เชิญลงโฆษณาฟรี

สำหรับท่านที่ดำเนินธุรกิจอยู่แล้วขอเชิญลงโฆษณาฟรี
รายละเอียดดังนี้
ลงโฆษณาฟรี

12/17/2010

ขายซูชิ

ขายซูชิ
อาหารญี่ปุ่นนั้นได้รับความนิยมมากๆในบ้านเรา ทุกวันนี้จะเห็นว่าอาหารว่าง อาหารรับประทานเล่น
อาหารกับแกล้มสไตล์ญีปุ่นนั้นมีให้เลือกทานได้มากมายและเป็นที่นิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยเพราะอาหารญี่ปุ่นดีต่อสุขภาพและเป็นเทรนด์การบริโภคที่กำลังมาแรง

สำหรับสูตรอาหารญี่ปุ่นที่นำมาเสนอวันนี้ เป็นการทำข้าวปั้นห่อสาหร่าย หรือซูชิ แบบต่างๆทั้งหมด 5 ไส้ ได้แก่ ไส้ปูอัด ไข่หวาน ทูน่า แตงกวาญี่ปุ่น และห่อสาหร่ายแคลิฟอร์เนียมากิ

อุปกรณ์ในการทำอาหารญี่ปุ่น
1.เสื่อไม้ไ้ผ่สำหรับใช้ห่อข้าว ขนาดประมาณ1x5 ฟุต
2. ถังไม้ผสมข้าว
3. เขียงสำหรับหั่นข้าวปั้น
4. ไม้พาย
5. มีดคมด้านเดียว
6. กระทะม้วนไข่สี่เหลี่ยม
7. ตะหลิวม้วนไข่ม้วน
8. ตาชั่งทีมีหน่วยเป็นกรัม
9. ตะกร้าสำหรับไว้รองข้าวญีปุ่นให้สะเด็ดน้ำตอนขัดข้าว
10.ถุงมือพลาสติก

วิธีทำข้าวญี่ปุ่น
1.ก่อนการหุงข้าวญี่ปุ่นนั้นจะต้องขัดข้าวในน้ำประมาณ 3 ครัง จนกระทั่งน้ำไม่ขุ่นและใส่ในตะกร้าเพื่อให้น้ำสะเด็ดออกจนหมด
เพื่อความเป็นมาตรฐานในการตวงน้ำให้ได้ข้าวทีสุก นุ่ม เหมือนเดิมทุกครั้งที่หุงข้าว
2.ใส่ข้าวและน้ำในอัตราส่วน 1 ต่อ 1.2 (ข้าวญี่ปุ่น 1 กิโลกรัม ต่อน้ำ 1,200 กรัม)
3.หลังจากหุงข้าวสุกแล้ว ตักข้าวใส่ถังไม้ ทีเตรียมไว้ผสมน้ำส้มข้าว ในอัตราส่วน ข้าว 200 กรัม ต่อน้ำส้มข้าว 10 ชีชี
หรือหากต้องการรสชาติที่เข้มข้น ก็สามารถเพิ่มน้ำส้มข้าวได้ตามชอบใจ
4. ใช้ไม้พายกวนให้ข้าวญีปุ่นเข้ากันกับน้ำส้มข้าวประมาณ 10 นาที รอจนกระทังข้าวเย็นแล้วจึงจะนำไปปั้นได้

**หากไม่มีข้าวญี่ปุ่น ก็ให้ใช้ข้าวเหนียวหรือข้าวเจ้าแทนได้ แต่ต้องทำทุกอย่างเหมือนหุงด้วยข้าวญี่ปุ่น อัตราส่วนในการผสมข้าวหอมมะลิ 100% และข้าว
เหนียวเท่ากับข้าวหอมมะลิ 2 ส่วน ต่อข้าวเหนียว 1 ส่วน หลังจากผสมได้สัดส่วนแล้วก็ทำตามขั้นตอน
ของการหุงข้าวญีปุ่นได้เลย

**เทคนิคการหุงข้าวญี่ปุ่น
การหุงข้าวเป็นหัวใจหลักสำหรับการปั้นข้าว ถ้าหากหุงข้าวแฉะเกินไป หรือแข็งเกินไปก็ไม่สามารถนำมาทำเป็นข้าวญีปุ่นปั้นได้
ถ้าหากข้าวแฉะเกินไปใหตักข้าวที่สุกแผ่ไว้โดยการกระจายข่าวหรือเกลี่ยข้าวไม่ให้หนาจนเกินไปจะช่วยทำให้ข้าวแข็งตัวไม่แฉะจนเกินไปสำหรับการปั้น

วิธีทำน้ำส้มข้าวญี่ปุ่น
ส่วนผสม
- น้ำส้มหมักจากข้าว สับปะรด หรือแอปเปิ้ล 700 ซีชี
- เกลือ 120 กรัม
- สาหรายคอมบุนาด 2x2 นิ้ว 1 แผ่น
ตั้งไฟอ่อนๆ คนจนน้ำตาลและเกลือละลาย จากนั้นยกลงจากเตา
ไม่ควรใช้ไฟแรงจนเกินไปเพราะถ้าเดือดมาก จะทำให้สีของน้ำตาลเปลี่ยนไปเป็นสีน้ำตาลไหม้ เวลานำมาผสมกับข้าวจะทำให้ข้าวสีคล้ำไม่น่ากิน
ควรใช้เกลือแกงเพราะจะไม่เค็มเกินไป

การทำซอสซูซิ
ส่วนผสม
โค้ก 250 ซีซี
เห็ดหอมแห้ง 1 ดอก
ปลาโอแห้ง 1 หยิบมือ
นำส่วนผสมทั้งมาตั้งไฟพอเดือด คนๆสักพักให้ยกลง ตั้งทิ้งไว 6 ชั่วโมงกรองเอาเศษปลาโอและเห็ดหอมออก เก็บใส่ขวด แช่ตู้เย็นไว้ใช้ เคล็ดลับโค้กจะทำให้น้ำซอสหวานอร่อย


การทำมิรินแบบประหยัด
ส่วนผสม
น้ำเปล่า 400 ซีซี
สาเกอาหาร 50 ซีซี
ปลาโออบแห้ง 1 หยิบมือ
น้ำตาลทราย 200 ซีซี
การม้วนไม่ต้องรอให้ไข่ต้องมากแค่เป้นยางมะตูมก็ม้วน เพราะไข่จะม้วนง่าย และไม่ต้องรีบร้อนเพราะไข่จะขาดได้ ขณะม้วนให้เอียงกระทะเล็กน้อยเพื่อให้ม้วนง่าย

วิธีทำไข่ม้วนญี่ปุ่น
ส่วนผสม
-ไข่ไก่ 3 ฟอง
-มิรินซูชิ 100 กรัม

1.นำส่วนผสมที่เตรียมไว้ทั้งหมดผสมกัน ตอกไข่ใส่ลงไปตีส่วนผสมให้เข้ากัน หากตีไข่และส่วนผสม
ไม่ละเอียด จะทำให้ไข่หวานสีไม่สม่ำเสมอกัน
2.ตั้งกระทะรูปทรงสี่เหลี่ยมสำหรับม้วนไข่ ใส่น้ำมันลงไป 1-4 ของกระทะด้วยไฟอ่อน เพื่อไม่ให้ไข่ม้วนติดขอบกระทะ
พอน้ำมันเดือดให้เทน้ำมันออกจนหมด ค่อยๆตักไข่ใส่ลงในกระทะจนทั่ว เมื่อไข่เริ่มสุกแล้วค่อยๆ ม้วน โดยเริ่มการม้วนไข่จากด้านปลายกระทะด้านบนลงมาด้านล่าง ตรงด้ามกระทะที่เราจับ เมื่อม้วนไข่ได้แล้วให้ดันไข่ม้วนขึ้นไปด้านบน แล้วกลับไปเริมตันใหม่เช่นเดียวกันกับครั้งแรกทีทำจนกระทังไข่ที่เตรียมไวหมด ระหว่างม้วนไข่พยายามอย่าให้เกิดช่องว่างในแต่ละชั้น โดยใข้ตะหลิวกดไข่ม้วนกับกระทะ หลังจากจบการม้วนในแต่ละรอบ จากนั้นโห้นำไข่มัวนไป ห่อไว้ในเสื่อไม้ไผ่ เพื่อให้ไข่รีดน้ำมันส่วนเกินออก และหาของทีมีน้ำหนักพอประมาณมาวางทับไข่ม้วนไว้ ประมาณ 10 นาที เพื่อให้ได้รูปทรงเหลีื้ยมผืนผ้า แล้วนำไปเก็บไว้ในตู่เย็นช่องธรรมดานาน 1 ชั่วโมง จึงค่อยนำใช้งานได้


ข้าวปั้น nigiri
ส่วนผสม
ข้าวญี่ปุ่น 1 ถ้วยเล็ก
ปูอัด 1 ชิ้น
ไข่กุ้ง 1 ช้อนโต๊ะ
สาหร่ายชนิดแผ่น 1 แผ่น
กุ้งชิ้น 1 ตัว/ข้าวปั้น1ชิ้น
แซลมอน 1 ชิ้น/ข้าวปั้น1ชิ้น

วิธีทำ
1.ตัดสาหร่ายทะเลออกเป็นแผ่นเล็กๆขนาด 1x10 ซม. สำหรับไว้พันรอบๆปูอัด
2.ตัดสาหร่ายทะเลออกเป็นแผ่นเล็กๆขนาด 2.5x20 ซม.สำหรับไว้พันรอบๆปูอัด
3.แกะแผ่นพลาสติกปุอัดออกแล้วหั่นเป็นชิ้นเฉียงพอดีคำ
4.แกะเปลือกกุ้งออกให้เหลือส่วนหาง แล้วผ่ากลางลัง
5.ปั้นข้าวญี่ปุ่นเป็นสี่เหลี่ยมพืนผ้า จากนั้นหยิบ กุ้งลวกสุก แซลมอน ปูอัด วางข้าวตรงกลางกดให้ข้าวกับปลาติดกัน ประคองด้านข้างให้ให้รูปทรง จากนั้นพลิก ปูอัด กุ้งลวกสุก ปลาแซลมอน ขึ้นด้านบน กดอีกครั้งให้แน่น ให้ปูอัด กุ้งลวกสุก ปลาแชลมอน ให้แคบลงไปด้านข้าง ก็จะได้ข้าวปั่นรูปทรงมาตรฐาน พันด้วยสาหร่ายที่ตัดไว้ ทำจนหมด
6. ปั้นข้าวญีปุ่นเป็นฟั่เหลี่ยมผืนผา หยิบด้วยมือที่ถนัด จากนั้นหยิบสาหร่ายแผ่นยาวมาพันรอบ
ข้าวจนหมด มัดปลายสาหร่ายด้วยข้าวสุกบี้เล็กน้อย ตักไข่กุ้งใส่ด้านบน ก็จะได้ข้าวปั้นรูปทรงมาตรฐาน
7. จัดข้าวปั้นหน้าปูอัด กุ้งลวกสุก ปลาแขลมอนใส่จาน ตกแต่งให้สวยงาม

**เคล็ดลับ
ก่อนลวกใ้ห้เอาไม้จิ้มฟันเสียบกลางหลังกุ้งก่อนเพื่อไม่ให้กุ้งงอตัวขณะที่เจอความร้อน การปั้นข้าวไม่ควรใช้น้ำหนักกดลงแรงเกินไปเพราะจะทำให้ข้าวเสียรูปทรงหากใช้ถุงมือพลาสติกจะทำให้ข้าวญีปุ่นติดถุงมือ ควรเอาถุงมือพลาสติกแตะน้ำมันเล็กน้อยเพื่อไม่โห้ติดถุงมือถ้าหากทำขายเกรงว่าเวลาที่หยิบข้าวมาปั้นจะมีขนาดไม่เท่ากันก็ควรจะชั่งน้ำหนักด้วยตาชั่งที่มีหน่วยเป็นกรัมปริมาณ 20 กรัม ต่อข้าวปั้น 1 ชิัน

ข้าวห่อสาหร่าย(มากิซูชิ)
ส่วนผสม
ข้าวญี่ปุ่น 1 ถ้วยเล็ก
ไข่ม้วน หั่นแท่ง 2 แท่ง
แตงญี่ปุ่นหั่นยาว 2 แท่ง
สาหร่ายทะเลชนิดแผ่น 1 แผ่น
ปูอัด 1 ชิ้น
เสื่อห่อข้าว 1x1 ฟุต

วิธีทำ
1.นำข้าวญี่ปุ่นที่ผสมน้ำส้มข้าวแล้ว หยิบมา 1 กำมือ
2.วางสาหร่ายทะเลลงบนเสื่อ เกลี่ยข้ายข้าวให้ทั่ว เหลือขอบสาหร่ายไว้ประมาณ 1 ซม.
3.วางปูอัด ไข่ม้วน แตงกวาไว้ตรงกลางแผ่นข้าว
4.ค่อยๆม้วนเสื่อขึ้นไปเรื่อยๆจนครบรอบ แล้วบีบให้แน่นทั้งแผ่น แล้วหมุนอีกรอบให้สาหร่ายติดกันดี
5.ใช้มีดตัดแบ่งข้าวออกเป้นครึ่งท่อน แล้วตัดแบ่งเป็น 3 ส่วนขนาดเท่าๆกัน ขนาดจะหนาประมาณ 1 นิ้ว แล้วจัดไว้ให้สวยงาม

*** การทำ อาจจะประยุกต์เปลี่ยนใส้ได้หลายๆแบบ ทั้ง แซลมอน แครอท กุ้งต้ม ฯลฯ

ข้าวห่อสาหร่ายแคลิฟอร์เนีย มากิ
ส่วนผสม
ข้าวญี่ปุ่น 1 ถ้วยเล็ก
ปูอัด 1 ชิ้น
ไข่กุ้ง 50 กรัม
สาหร่ายชนิดแผ่น 1 แผ่น
กุ้งชิ้น 1 ตัว/ข้าวปั้น1ชิ้น
แซลมอน 1 ชิ้น/ข้าวปั้น1ชิ้น
แตงกวาญี่ปุ่นหั่นตามยาว 1 ชิ้ร
ไข่หวาน 4-5 ชิ้น

วิธีทำ
1. วางสาหร่ายบนเสื่อ นำข้าวญีปุ่นมาเกลี่ยให้ทั่ว
2. จากนั้นคว่ำให้ข้าวอยู่ด้านล่าง นำสาหรายอยู่ด้านบนทั้งแผ่น
3. นำปูอัด กุ้งลวกสุก ปลาแขลมอน และแตงญี่ปุน วางบนสาหร่าย
4. ค่อยๆ ม้วนเสื่อมาเรื่อยๆ จนเป็นวงกลม ออกแรงบีบให้ทั่วทั้งแผ่น แล้วม้วนอีกหนึงรอบเพื่อให้ข้าวแน่น
5. ตัดด้านหัวช้าย-ขวาออกให้เรียบ แล้วตัดแบ่งเปน 6-8 ส่วนเท่าๆ กน
6. คลุกไข่กุ้งให้ทัวทั้งชิ้น
7. จัดวางบนจานให้สวยงาม พร้อมกับวาชาบิ และชอสซูชิ

**เทคนิค
ขณะคลุกไข่กุ้ง ให้คลุมในลักษณะของวงล้อวิ่ดะทำให้ไข่กุ้งน่ารับประทานไม่เลอะเทอะจนเกินไป


การเริ่มต้นขายอาหารญี่ปุ่นนั้นควรคำนึงถึงสิ่งต่างๆดังนี้
- หาทำเลที่เหมาสม หน้าร้าน หน้าบ้าน หน้าหรือในตลาด ใกล้โรงเรียน ตลาดนัด แหล่งชุมนน แหล่งคนทำงาน ทุกสถานที่สามารถขายได้หมดนอกจากนี้ ยังสามารถทำส่งตามแหล่งออฟฟิศต่างๆ เพือเพิ่มยอดขายได้อีกด้วย
- เงินลงทุนเบื้องต้น ประมาณ 5,000 บาท
- การตลาด เน้นเรื่องอาหารญีปุ่น รสชาติอร่อย คุณภาพดี ราคาประหยัด เพียงชิ้นละ 5บาท 10 บาท โดยที่ความต้องการอาหารญีปุ่นราคาถูกนี้
- การวางแผนผลิต สามารถทำข้าวห่อสาหร่ายเตรียมจากที่บ้าน แล้วใส่กล่องปิดฝาป้องกันไมให้โดนลมแล้วค่อยนำมาตัดและแต่งหน้าในสถานที่จำหน่ายของเราก็ได้
- การบริหารจัดการ ให้คนทำงานเพียง 1-2 คน ก็สามารถเริ่มธุรกิจนี้ได้แล้ว

11/26/2010

ขายกระเพาะปลา

ขายกระเพาะปลา

กระเพาะปลาเป็นอาหารว่างที่รับประทานแล้วสบายท้อง กระเพาะปลาซึ่งไม่เป็นเพียงแต่ของว่างเท่านั้น รับประทานเหมือน
ก๋วยเตี๋ยวได้ เป็นอาหารที่ทำขายอยู่กับร้านขายข้าวมันไก่ข้าวหมูแดง ตือฮวน กับขายข้าวแกง เครื่องปรุงและวิธีทำก็ไม่ยาก เป็นอาหารที่
รับประทานแล้วไม่เบื่อ จึงเป็นอาหารอย่างหนึ่ง ผู้เริ่มทำอาหารขายน่าจะลองทำดู หมั่นฝึกทำให้มีรสอร่อย ถูกปากถูกใจผู้บริโภค รับรองร่ำรวยมีเงินทองมากขึ้นแน่ๆ

เครื่องปรุง
กระเพาะปลาแช่น้ำจนพองหั่นเป็นชิ้นพอคำ 3 ถ้วยตวง
อกไก่หั่นเป็นชิ้นๆ
เครื่องในไก่ ปีกไก่ น่องไก่ 1 กก.
เลือดไก่ ตัดเป็นชิ้นพอคำ 1 กก.
ไข่นกกระทาต้มสุกปอกเปลือก 100 ลูก
หน่อไม้ไผ่ตงต้มสุกหั่น 2 ถ้วยตวง
แป้งมัน 3 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วขาว 1/2 ถ้วยตวง
ซีอิ๊วดำ 1 ช้อนโต๊ะ
ซอสเปรี้ยว 1 ช้อนโต๊ะ
พริกไทยปน 1 ช้อนโต๊ะ
รากผักชีหั่น 1 ช้อนโต๊ะ
ต้นหอมหั่น 1 ถ้วยตวง
น้ำสัมพริกตำ (พริกแดง 10 เม็ด กระเทียม 10กลีบ เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะโขลก
หรือบดให้ละเอียดใฟน้ำสัมสายชู 1 ถ้วยตวง) ฯ ถ้วยตวง
อสเ๕้รยว 1 ขวด
พริกไทยป่น 1 ขวด
กระเพาะปลา
วิธีทำกระเพาะปลา
1.นำกระเพาะปลามาลวกน้ำร้อนก่อน จากนั้นล้างน้ำหลายๆครั้ง ผึ่งน้ำให้แห้ง
2.นำเอาอกไก่ น่องไก่ ปีกไก่ เครื่องในไก่ มาสับให้เป็นชิ้นๆ
3.เติมน้ำใส่หม้อ 2 ลิตร เอาซี่โครงไก่ใส่ พริกไทยป่น รากผักชี ซีอิ๊วหวาน ซีอิ๊วขาว น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ ต้มน้ำซุปซี่โครงไก่เคี่ยวจนได้น้ำซุปที่หอมหวาน
4.ใส่กระเพาะปลา ใส่อกไก่ น่องไก่ ปีกไก่ เครื่องในไก่ เลือดไก่ หรือเลือดหมู ต้มให้เดือดจนเนื้อไก่เปื่อย ใส่หน่อไม้ ต้มจนเดือด ใส่แป้งมันละลายน้ำ คนพอ
ข้นใส่ไข่นกกระทาลงไป

**เวลาตักขาย ตักอกไก่ 1 ชิ้น หรือน่องไก่ ปีกไก่ 1 ชิ้น เลือดไก่ หรือเลือดหมู 1 ชิ้น เครื่องใน ไข่นกกระทา 2-3 ลูก โรยพริกไทย โรยต้นหอม ผักชี รับ
ประทานกับน้ำสัมพริกตำ ซอสเปรี้ยว ตามชอบ
หรือจะเอาเนื้อไก่ตรงหน้าอกมาต้มฉีกชิ้นเล็กๆ โรยหน้า 4-5 ชิ้น (ถ้าไม่มีชิ้นอกไก่ หรือน่องไก่ในชาม สำหรับไข่นกกระทาช่วยชูรสให้อร่อยขึ้น
ผู้รับประทานจะใส่น้ำสัมพริกตำ ซอสเซ้รยว โรยพริกไทยเพื่อตามชอบ
สำหรับผู้ที่ชอบรับประทานเสัน มักจะใส่เสันหมี่ เส้นเล็กลงไปด้วย ทำให้รับประทานอร่อยมากยิ่งขึ้น

11/05/2010

เปิดร้านนวดแผนไทย

นวดแผนไทย

การทำธุรกิจร้านนวดแผนไทยนั้นต่อยอดมาจากภุมิปัญญาของไทย เป้นธุรกิจที่ต้องมีใจบริการ เนื่องจากลูกค้าทีเข้ามารับบริการแต่ละครั้งใช้เวลาไม่ กว่า 1 ชั่วโมง ต้องเอาใจใส่ทุกรายละเอียด เพราะ ถ้าสร้างความประทับใจให้ลูกค้าแล้วล่ะก้โอกาสที่ลูกค้าจะกลับมาใช้บริการนวดแผนไทยก้ย่อมเป้นได้สุงมาก ทุกวันนี้คนเราในวัยทำงาน เครียดๆจากปัญหาต่างๆ
จากการ กรำงานมาทั้งวัน วิที่จะผ่อนคลายได้ดีอีกหนึ่งวิธีคือการนวด ซึ่งการนวดแผนไทยนั้นแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ดี

การเปิดร้านนวดแผนไทย สามารถเสริมธุรกิจหรือผลิตภัณฑ์อื่นๆเข้าไปได้หลายทาง การนำเสนอสินค้าหรือบริการเสริมอื่นๆ ควบคู่ไปด้วย จึงสามารถทำได้อีกช่องทางหนึ่ง เช่น จำืำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ทำจากสมุนไพรไทย เช่น เครื่องสำอางสมุนไพร เครื่องดื่มสมุนไพร การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ทำจากวัสดุของไทย การให้บริการเสริมสวย เช่น นวดหน้า ทำผม รวมถึงการส่งเสริมสินค้า OTOP ได้ด้วย

แนวคิดส่งเสริมการตลาดนวดแผนไทย
ควรจัดกิจกรรม เพื่อส่งเสิรมการขายและดึงดูดใจลูกค้า ดังนี้
1. ติดต่อบริษัททัวร์บริษัทท่องเที่ยวหรือไกด์ เพื่อให้แนะนำนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาใช้บริการ
2. รับสมัครสมาชิก โดยไม่เก็บค่าสมาชิกหรือลดเปอร์เซ็นต์ พร้อมให้สิทธิประโยชน์แก่สมาชิก เช่น
มีส่วนลดการให้บริการ การสะสมแต้มเพื่อแลกสินค้าหรือบริการ
3. จัดกิจกรรม เช่น จัดวันผู้สูงอายุ สำหรับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป สามารถนวดครื่งราคาได้
4. จัดกิจกรรมเพื่อนแนะนำเพื่อน โดยมีของขวัญให้ทั้งผู้แนะนำและผู้มาใหม่
5. การบริการที่ดีเลิศ ตั้งแต่การแต่งกายที่สุภาพและสะอาดของพนักงาน การพูดจาไพเระ การเอาใจใส่ลูกค้าด้วยความจริงใจ

เงื่อนไขและข้อจำกัดในการทำธุรกิจนวดแผนไทย
ปัญหาการดึงตัวพนักงานที่มีความสามารถ อาจจะเกิดขึ้นได้ สาเหตุอาจมาจากความดึงดูดใจด้านรายได้ ที่พักอาศัย ที่จูงใจมากกว่า เป็นต้น ผู้ประกอบการจึงควรมีความพร้อมเรื่องเงินลงทุน
เพื่อใช้ในกามุนเวียนในราน

ปัจจัยของความสำเร้จในการเปิดร้านนวดแผนไทย
ความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้ ถ้าทุกคนร่วมแรงร่วมใจและสร้างความสามัคคีในหมู่คณะ ดังนี้
1.ต้องซื่อสัตย์กับลูกค้า ต่อตัวเองและพนักงาน
2. สร้างจิตสำนึกที่ดีด้านการบริการลูกค้าให้แก่พนักงาน เช่น การสวัสดีเมื่อมีลูกค้าเข้า
ร้าน การทายอย่างเป็นมืตร
3 รักษาการบริการให้ได้มาตรฐานคงที่ โดยให้บริการนวดครบทุกขั้นตอนและตามเวลาที่กำหนด
4. ทำเลที่ตั้งเหมาะสม ใกล้กลุ่มเป้าหมาย ค่าเช่าสถานที่ไม่แพงจนเกินไป และไม่นวดในสถานที่โคจร เช่น บ่อนการพนัน ริมถนนใต้โคนต้นไม้ ฯลฯ
5. มีการรักษาความสะอาดของสถานที่ และความสะอาดของพนักงานให้ดูดีตลอดเวลา

แหล่งอบรมนวดแผนไทย
ปัจจุบันสถาบันหลายแห่งเปิดสอนการนวดแผนไทย การนวดฝ่าเท้า ต้องเข้ารับการฝึกอบรมจาก
สถานอบรม โดยผู้สมัคจะต้องเสียค่าใช้จ่ายประมาณ 1,000 - 4,000 บาท/หลักสูตร ระยะเวลา 5 - 10 วัน ดังนี้

1. โรงเีืรียนนวดแผนโบราณ วัดพระเชตุพนฯ (วัดโพธิ์) โทร. 0 2221 2974
2. สถาบันการแพทย์แผนไทย กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข โทร. 0 2591 0598 - 99
3. สมาคมแพทย์แผนไทย กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี โทร. 0 2965 9194 - 5
4. โรงเรียนแพทย์แผนไทย (สมาคมแพทย์อายุรเวทฯ) จ.นนทบุรี โทร. 0 2950 5939
5. ศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียน ศูนย์ฝึกอาชีพ กรุงเทพมหานคร

แหล่งจำหน่ายอุปกรณ์นวดแผนไทย
1. Natural Greentecb/กรุงเทพฯ โทร 08 3610 3103, 0 2910 8787
2. ร้านสปาไทยช้อป/กรงเทพฯ โทร. 08 4454 5720
3. ร้านทีธานนา/กรุงเทพฯ โทร. 0 2321 0300 - 1
4. ร้านนวดแผนโบราณกรุงเทพฯ โทร. 08 3991 5854
5. ร้านทีสมายด์ช็อป/เชียงราย โทร. 08 9433 9194

ข้อมูลการลงทุน
เงินลงทุนเบื้องต้น 50,000 บาทขึ้นไป
ค่าตกแต่งร้านประมaณ 50,000บาท
12,000 บาท/เดือน(ขึ้นอยู่กับทำเล)
เงินทุนหมุนเวียน ประมาณ50,000บาท/เดือน

อัตราค่าบริการ

นวดฝ่าเท้าี้ โดยเฉลี่ย 50> 250บาท/ชั่วโมง
นวดตัว โดยเฉลี่ย 300ึ 400 บาท/2ชั่วโมง
นวดประคบสมุนไพร โดยเฉลี่ย 300-350บาท/2 ชั่วโมง
นวดน้ำมัน โดยเฉลี๋ย 5OO-600บาท/2ชั่วโมง

แรงงาน 7 คนขึ้นไป
กำไร 80%

** หาสินค้า หรือบริการเสริมอย่างอื่นมาเพิ่มรายได้ ได้อีกหลายทาง เช่น สินค้า ที่เกี่ยวข้องกับการนวดแผนไทย สินค้า โอทอป สินค้าสมุนไพรต่างๆ ฯลฯ

10/16/2010

เปิดร้านเสริมสวย

ร้านเสริมสวย

สำหรับใครที่กำลังมองหาธุรกิจส่วนตัวอยู่ การเปิดร้านเสริมสวย ต้องหาข้อมูลก่อนการตัดสินใจ หรือใครที่เปิดร้านอยู่เเล้วอยากได้ไอเดียแต่งร้านให้มีรายได้เพิ่มอีกทางหนึ่ง
ถ้าผู้ประกอบการที่มีเงินทุนสักก้อนพร้อมเดินตามความฝันในการเปิดร้านเสริมสวยในห้างสรรพสินค้า ต้องหาเคล็ดลับการเปิดร้านเสริมสวยอย่างมืออาชีพว่าก่อนอื่นเราต้องดูบุคลิกภาพของเราก่อนว่า มีบุคคลิกของการเป็นเจ้าของร้านแล้วหรือยัง มีเทคนิคหรือหัวใจของผู้รักงานด้านบริการมากน้อยเพียงใด เนื่องจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากขึ้น ทำให้โลกเกิด
การเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นชาวเอเชีย ผู้นำเทรนด์ทรงผมที่แปลกใหม่แหวกแนว แต่ก็สร้างสีสันให้กับวงกาแฟชั่นเมืองไทยได้อย่างดี อีกทั้งสามารถหาเงินได้อย่างง่ายๆ

การเปิดร้านเสริมสวยจะมีอยู่ทั้งหมด 3 รปแบบ คือ

รูปแบบที่ 1 ร้านขนาดเล็ก คือ ร้านตึกแถวขนาด คูหา มีชุดเก้าอี้ทำผมไม่เกิน 4 ชุด

รูปแบบที่ 2 ร้านขนาดกลาง คือ ร้านตึกแถวขนาด 2 คูหา หรือร้านทั่วไปนอกห้างสรรพสินค้า มี
เก้าอี้ทำผมตั้งแต่ 4 - 10 ชุด


บุคลากรในร้านเสริมสวย
1. ช่างตัดผม หน้าที่ของช่างตัดผมในแต่ละร้านก็มีวิธีการต้อนรับลูกค้าที่แตกต่างกัน ช่วงเวลาที
ยังไม่มีผู้เข้ามาใช้บริการกับช่างตัดผมคนใด ช่างตัดผมคนนั้นก็จะเป็นเีรียกลูกค้าเข้าร้าน โดยการเสริมโปรโมชั่นต่างๆ เช่น การตัดผม การดัดผม การย้อมผม การแฮร์สปา การยืดผม เป็นต้นซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ช่างตัดผมส่วนใหญ่ของทุกร้านเป็นผู้แนะนำ เพื่อกระตุ้นรายได้ของตนเอง แต่ถ้าช่างตัดผมไม่ว่างทั้งหมดก็จะมีพนักงานต้อนรับซัพพอร์ตหน้าร้านเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามใน 1 วัน ช่างตัดผม 1 คนจะต้องให้บิรการลูกค้าโดยประมาณการจำนวนลูกค้าที่คาดว่าจะเข้ามาใช้บริการต่อวันดังนี้
ถ้าช่างตัดผม 1 คน สามารถให้บริการลูกค้าได้วันละ 10 คน
ถ้าช่างตัดผม 7 คน สามารถให้บริการลูกค้าได้วันละ 70 คน
ถ้าเปิดร้าน 1 ปี (300 วัน) สามารถให้บริการลูกค้าได้สูงสุด 30o x 70 = 21,000 คน
ประมาณการ ถ้ามีลูกค้ามาใช้บริการร้อยละ 90 ก็จะมีผู้เข้ามาใช้บริการประมาณ 18,900 คน

2. พนักงานทั่วไป พนักงานทุกคนต้องต้อนรับลูกค้าด้วยความสุภาพ ไม่ควรให้ลูกค้าคอยนาน
เกิน 30 วินาที มีความรู้พื้นฐานพอสมควร บุคลิกภาพต้องสะอาดและมีหน้าเชื่อถือ ได้รับการฝึกอบรมมาเป็นอย่างดี ขณะปฏิบัติงานไม่แสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เช่น การเคี้ยวหมากฝรั่ง การเอามือไขว้หลัง การหวีใช้ในร้านหวีศีรษะตัวเอง เป็นต้น ดังนั้นเจ้าของร้านควรมีหลักการในการคัดเลือกให้ได้ พนักงานที่ดี ต้องนิสัยดี ฝีมือดี รักอาชีพเสริมสวยและที่สำคัญต้องขยัน

อัตราค่าจ้างพนักงานร้านเสริมสวย
ส่วนอัตราค่าจ้างของอาชีพช่างทำผมและพนักงานด้านทำ อาชีพช่างทำผม
และพนักงานด้านทำผมมีอัตราค่าจ้างที่สูงพอสมควร คือ อัตราค่าจ้างช่างประจำอยู่ที่ประมาณ
10,000 – 12,000 บาท ส่วนค่าคอมมิชชั่นประมาณ 10 0/0 การใช้บริการ 1 ราย และอัตราคาจ้างพนัก ( ทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 7,000 – 8,000 บาท อาจจะมีคอมมิชชั่นเป็นตัวกระตุ้นด้วย โดยอาจตั้งไว้ทีงบประมาณ 1-3 %
สำหรับร้านทำผมในห้างสรรพสินค้าบอกได้เลยว่าแทบจะไม่มีวันหยุดเลย เพราะว่าช่วงวันหยุด
ของลูกค้า คือ วันทำงานของเรา ดังนั้น วันหยุดของพนักงานใน 1 สัปดาห์จะสลับกันหยุดคนละ 1 วัน
การเปิดร้านเสริมสวยในห้างสรรพจำเป็นต้องอาศัยความเป็นมืออาชีพในการบริหารงานอย่างมาก รวมทั้งการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบระเบียบตามที่กำหนดไว้ เพื่อให้ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการประทับใจ และไม่เป็นผลทำให้พนักงานต้องลาออกบ่อยๆ การแบ่งสายหลักจึงแบ่งได้ ดังนี้

1.ด้านการบริการ ผู้ประกอบการจะต้องวางระบบให้แน่นอนตั้งแต่การเปิดร้านในวันแรก
การเปิดร้านเสริมสวยจะใช้เงินลงทุนเริ่มต้นประมาณ 1 ล้านบาท จัดระบบบัญชี
อย่างละเอียด ใช้ลายลักษณ์อักษรกำกับทุกครั้ง ทำบัญชีรายรับ - รายจ่ายทุกวัน การจัดซื้อและสต๊อก
สินค้า พอประมาณตามจานวนเฉลี่ยของผูเข้ามาใช้บริการต่อวัน ด้านทรัพยากรบุคคลต้องแบ่งหน้าที่การทำงานอย่างชัดเจน รวมถึงการเข้างานอย่างตรงเวลา เช่น คนดูแลความสะอาดของร้าน
พนักงานต้อนรับลูกค้า และบริหารงานทั่วไปให้ครบทุกด้าน
ร้านเสริมสวย
ร้านเสิรมสวยจะได้รับความนิยมมากในช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งรายได้จะขึ้นจากเดิมตั้งแต่กลางเดือนธันวาคมไปจนถึงเดือนมกราคม ส่วนวันเสาร์อาทิตย์จะมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการมากกว่าวันธรรมดาหนึ่งเท่าตัว

สำหรับคนไทยที่เข้ามาใช้บริการที่ร้านส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิง 80 % ผู้ชาย 20 %ที่ร้านจึงมี
นิตยสารแฟชั่นมากมายเอาไว้ต้อนรับลูกค้าที่หลากหลายกลุ่ม เพราะเราจะไม่ทราบว่าลูกค้าที่เข้ามา
บิรการสไตล์ไหน เราก็จะมีนิตยสารทรงผมทั้งไทย ญี่ปุ่น เกาหลี ฝรั่ง ทั่วไปๆ ทั้งแบบผมยาวและผมสั้นเอาไว้ แต่ส่วนใหญ่ลูกค้าจะเข้ามาใช้บิรการการตัดผม - ทำผม ตามกระแสมากกว่า

การบริหารจัดการร้านเสริมสวย
1. คือ ฝีมือ ร้านเสิรมสวย ที่ประสบความสำเร็จทั้งหมดส่วนใหญ่คือ ร้านเสริมสวย ที่สามารถช่วยให้ลูกค้ามีบุคลิกที่ดีขึ้น ทำงานออกมาตรงตามที่งกค้าต้องการฝีมือช่างจึงมีส่วนสำคัญมาก ในกรณีนี้เจ้าของร้านจะเป็นตัวดึงดูดลูกค้าได้ดีทีสุด เพราะลูกค้าจะเชื่อมั่นในตัวช่างมากกว่าอื่นใด ช่างที่มีเมื่อจะมีจุดเด่นอยู่ 2 ประการคือ ทำงานตามที่ลูกค้าต้องการได้ดี นเละอีกประการหนึ่งคือ สามารถ
ชี้นำอธิบาย และให้เหตุผลที่ดีกับลูกค้าได้ว่า ทำไมจึงต้องทำแบบนี้หืหทาไมจึงต้องเป็นแบบนี้

2. คือ การให้บิรการ ร้านเสิรมสวย ทีมีประสบการณ์จะเข้าใจถึงหลักการบริหารที่ดีแก่ลูกค้าได้ดี
เพราะเมื่อใดที่ร้านเสิรมสวยมีงกค้าประจำ การเอาใจใฟต่อลูกค้า ความซื่อสัตย์ นนละความน่าเชื่อถือของร้าน จะเป็นตัวการันตีว่าลูกค้าจะเพิ่มขึ้น ร้านให้บริการดี มีโปรโมชั่นที่น่าสนใจ ช่างสามารถตอบปัญหา หรือแนะนำสิ่งที่ดีๆ รวมถึงดูแลประโยชน์ให้ลูกค้าได้ดี ไม่หวังฟ้นเงินจากลูกค้ามากเกินไป และไม่ทำให้ลูกค้าผิดหวัง เมื่อนั้น ร้านเสิรมสวย ของคุณก็จะประสบความสำเร็จแน่นอน
3. คือ หน้าร้านที่ดึงดูดลูกค้าใหม่ เมื่อมีเมื่อบวกกับบิรการที่ดีแล้ว ทำอย่างไรจะให้ร้านเสิรมสวยมีลูกค้าหน้าใหม่เดินเข้ามาในร้าน เพื่อญัรู้ถึงฝีมือและบิรการได้ หัวใจของการดึงดูลูกค้า
มีมากมาย ยกตัวอย่างได้ 2 - 3 ประการ คือ การตกแต่งหน้าร้านที่สวยงามตรงกับความต้องการของ
กลุ่มลูกค้า เช่น มีร้านเสิรมสวยอยู่ในย่านชานเมือง ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าระดับ C และ B นั่น
คือระดับกลางลงล่าง เป็นกลุ่มที่มีรายได้ปานกลาง ชอบเน้นที่บริการเป็นกันเอง และราคา สมเหตุสมผล แต่มีการตกแต่งร้านจนสวยโดดเด่นราคาแพงมากราวกับร้านที่ตั้งอยู่ในห้างสรรพ สินค้าชื่อดังอันดับหนึ่งของเมืองไทย ลูกค้าอาจจะไม่กล้าเข้าร้านเลยก็ได้ เพราะคิดว่าร้านนี้ราคาแพง

*ข้อมูลเงินลงทุนในธุรกิจร้านเสริมสวย
เงินลงทุนเริ่มต้น 2,000,000-5,000,000 บาท
ตกแต่งร้าน 1,500,000 บาท
ค่าเช่าสถานที่ 50,000 บาท
การบริการ
สระไดร์150-200 บาท
สระซอย 350-500 บาท
ยืดผม 1,000-3,000 บาท
ทำสีผม 1,000-3,000 บาท
อบไอน้ำ 300-800 บาท

แรงงาน 10-15 คน
กำไร 70 %
-ส่วนรายได้จะอยู่ที่ประมาณหลักแสนปลายๆ /เดือน

10/09/2010

อาชีพขายข้าวแกง

ข้าวแกงเป็นอาหารจานเด็ดของคนไทยมานาน และยังเป็นอาหารจานด่วนที่มีคุณค่าทางโภชนาการ
เพียงพอ ต่อความต้องการของร่างกาย ที่สำคัญยังซื้อง่าย-ขายคล่อง มาทุกยุคทุกสมัย
ไม่ว่าจะยุคข้าวยากหมากแพง...น้ำมันพุ่งสักแค่ไหน คนไทยก็ต้องกินข้างแกง อาชีพขายข้าวแกง จึงเป็น อาชีพเสริมที่ดี การเปิดร้านขายข้าวแกง จึงเป็นอาชีพที่ไม่มีวันตาย และยังคงไปได้เรื่อยๆข้าวแกงมี
ผู้นิยมรับประทานกันเสมอมา ถ้าหากแกงอร่อยถูกปาก-ถูกใจคนรับประทาน หากใส่ใจปรับปรุงรสชาติและความสะอาดอย่างต่อเนื่องรับรองได้เลยว่า ไม่มีวันที่เงินจะขาดมืออย่างแน่นอน

ขายข้าวแกง

หลักการเลือกซื้อวัตถุุดิบมาปรุงข้างแกง
เนื้อหมู ควรเลือกหมูที่สด สะอาด ต้องมีสีชมพู เนี้ออิ่มเป็นมัน หนังเกลี้ยง
เนื้อวัว ต้องมีสีแดงสด เนื้อละเอียดแน่น
เนื้อไก่ ต้องมีหนังสดบาง สีไม่ซีด
กุ้ง ต้องมีเนื้อแน่น ตัวเขียวปนน้ำเงินสดใส คอไม่หัก
เนื้อปลา ต้องดุที่เหงือกแดง ตานูนสดใส เนื้อแข็งแน่น
หมึก ต้องเลือกที่เยื่อหุ้มตามตัวยังไม่ลอก
ผักสด ต้องเลือกที่ใบติดแน่น สีเขียวสด ไม่ช้ำ เลือกใบที่มีตำหนิจากแมลงบ้างก็ดีเพราะปลอดภัยจากสารพิษ
กะทิ ควรเลือกใช้กะทิ ที่คั้นสดใหม่ ซื้อจากร้านที่ใช้มะพร้าวใหม่สดทุกวัน

แหล่งจำหน่ายวัตถุดิบในการทำข้าวแกง
ตลาดบางกะปิ
ตลาดคลองเตย
ปากคลองตลาด
ตลาดบางกอก-น้อย
ตลาดพรานนก
ตลาดที่มุมเมือง
ตลาดยิ่งเจริญ หรือตลาดสดทั่วไปที่อยู่ใกล้ บ้าน


การลงทุนขายข้าวแกง : ประมาณ 12,000 บาท (รวมรถเข็น และเตาแก๊ส ) + เงินทุนหมุนเวียน ประมาณ 800 บาท/วัน
การเลือกเวลาขาย
เน้นขายเฉพาะช่วงเย็นเพราะคนนิยมซื้อกลับข้างถุงไปกินที่บ้าน
ตั้ง ราคาขายถุงละ 15-20 บาท
กำไร 50 0/0 ของยอดขาย
ถ้าขายแบบรถเข็น คารมีอาหาร5-8 อย่าง ได้แก่ แกงอะทิ เเกงส้ม ผัดเผ็ด ผัดผัก ต้มจืด ต้มยำ น้ำพรีก-ปลาทูผักจิ้ม ไข่พะโล้ กุนเชียง ปลาสลิดทอด หมูทอด ไข่ดาว ฯลฯ

ทำเลในการขาย
สามารถขายได้ดีในย่านชุมชน และแหล่งที่คนพลุกพล่าน เช่น
โรงเรียน ป้ายรถประจำทาง ตลาด ปากซอย หน่วยงานใด หรือมีโรงงาน เป็นต้น

เทคนิคการขาย
1.การขายแต่ละวัน อาจที่มีของเหลีอ ดังนั้น เรื่องการเก็บรักษาของเหลือที่สามารถเก็บได้ไม่ทำให้เสียรสชาติ จึงเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งต้องรู้วิธีการเก็บอาหารแต่ละอย่างได้ถูกต้อง การจะคงคุณภาพของที่เหลือให้ดีได้นั้น ที่นิยมกันมากก็คือ เก็บใส่ในตู้เย็น
2. สำหรับวันแรกที่เปิดกิจการ ควรทดลองดูก่อน อย่าทำอาหารมากเกินไป ควรจะมีแกงต่าง ๆ ในปริมาณพอสมควร เพื่อทดลองตลาดดูก่อน
3. อาหารที่ควรมีประจำร้าน เช่น น้ำพริก-ผักสด ผัดผัก แกงจืด ผัดคะน้าหมูกรอบ ผัดหน่อไม้ใส่ไข่ ผัดถั่วงอกกับเต้าหู้ ผัดมะเขือยาวหมูสับ. แกงจืดผักกาดขาวกับหมูสับ แกงจืดผักตำลึง หรือต้มจับฉ่าย ไข่พะโล้ ที่ใส่หมูและเข้าหู้ และควรมีเครื่องเคียงอื่นๆ อีกด้วย เช่น กุนเชียง ปลาสลิดทอด เนื้อเค็ม หมูทอด ไข่ดาว ผักสด ผักลวก และน้ำพริกต่างๆ เป็นต้น

คุณสมบัติของพ่อค้าแม่ค้าขายข้าวแกง
1. มีใจรัก ชอบทำอาหาร ทำกับข้าว
2. มีความขยันหมั่นเพียร อดทน เพราะงานทำกับข้าวจะเป็นงานที่เหนื่อยมาก หากต้องทำงานประจำด้วยแล้วต้องมีคนช่วยสัก 1-2 คน
3. มีอัธยาศัยดี หน้าตายิ้มแย้ม พูดจาน่าฟังกับลูกค้าเสมอ ตั้งใจบริการ
4. มีความคิดสร้างสรรค์ ปรับเปลี่ยนเมนูไม่ให้จำเจ หมั่นพัฒนารสชาติอย่างต่อเนื่อง ฝึกสังเกตลูกค้าว่าชอบแบบไหน กินยังไง

10/02/2010

อาชีพ ขายสเต็กจานด่วน

สเต็ก
อาหารจานด่วนพร้อมเสิร์ฟ เป็นที่นิยมเป็นอย่างมากมาย ในเมืองไทยจะเห็นได้ว่า ร้านสเต็กกำลังเกิดขึ้นอย่างมาก และได้รับการตอบรับจากคนไทยที่นิยมความสะดวกสบายรวดเร็ว
อาชีพที่น่าสนใจวันนี้ การเปิดร้านสเต็ก จึงถือเป็นอีกอาชีพที่น่าสนใจไม่ใช่น้อยเลย เพราะด้วยราคาที่ไม่แพงสามารถแข่งขันกับร้านสเต็กหรูๆได้อย่างสบาย กลุ่มลูกค้าก็มีอย่างมากมาย
เปิดโอกาสให้ลูกค้าเข้าถึง การบริโภคได้ง่ายขึ้น

ความน่าสนใจของการเปิดร้านสเต็กอยุ่ที่ไหน ?
อยู่ตรงที่เป็นธุรกิจที่เริ่มต้นได้ง่ายๆไม่ยุ่งยากมาก ไม่ต้องอาศัยทักษะสูง ตรวจสอบการขายได้ง่ายไม่เหมือนร้านอาหารประเภทอื่นๆ และสามารถนับจำนวนชิ้นเนื้อได้ทันที นอกจากนี้กำไรยังมากกว่า 50% อีกด้วย อีกอย่างทุกวันนี้มีโมเดลธุรกิจ
ให้เลือกทำได้อย่างหลากหลายไม่จำเป็นต้องไปเริ่มเรียนรู้เองทั้งหมด อาชีพที่น่าสนใจ เกี่ยวกับร้านสเต็กนี้ จึงไม่น่ามองข้าม สำหรับผู้ที่สนใจอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง
ปัจจุบันนี้มีตัวแทนขายส่งวัตถุดิบดิบทำสเต็ก ที่คัดสรร ของดีมีคุณภาพ และวัตถุดิบดิบสำเร็จรูปง่ายต่อการจัดการ มีทั้ง เนื้อหมู เนื้อวัวขุน ปลาแซลมอน ที่หั่นสไลด์เป็นชิ้นมาให้เรียบร้อยแล้ว น้ำหนัก / ชิ้นประมาณ 100-130 กรัม ที่ปริมาณพอดีจาน
อีกทั้งยังมีน้ำราดสำเร็จรูปมาให้พร้อมไม่ต้องปรุงเอง

ข้อดีที่ให้ผู้ประกอบการเปิดร้านสเต็กคือ
สามารถจัดการเปิดตกแต่งร้านได้ตามที่ต้องการ และจัดสรรค์เมนูตามแบบฉบับของตัวเองได้
โดยที่ต้นทุนไม่ได้มากมายนัก เมื่อเทียบกับการเปิดร้านสเต็กเมื่อก่อน ปัจจุบันนี้มีแฟรนไชส์ที่ให้บริการด้านวัตถุดิบสเต็ก เพียงแค่เราสั่งซื้อ วัตถุดิบที่มีคุณภาพ ในราคาที่กำหนด และซื้อในขั้นต่ำเท่านั้นเราก็สามารถเปิดร้านดำเนินกิจการได้เลยทันที
รูปแบบแฟรนไชส์ที่ช่วยให้เราสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว การเปิดน้ายสเต็ก จึงเป็นอาชีพที่น่าสนใจมากๆ อีกอาชีพหนึ่ง
ระบบต่างๆที่ทางเจ้าของแฟรนไชส์เซ็ตมาเรียบร้อยทั้ง การตกแต่งร้าน วัตถุดิบ อุปกรณ์ เพื่อให้ได้คุณภาพและมาตรฐานเดียวกัน ผู้ประกอบการเพียงเข้าไปอบรมจากบริษัทแม่เท่านั้น ทั้งการบริหารจัดการร้าน การปิ้ง ย่าง ให้สเต็กได้มาตรฐาน
ก็สามารถดำเนินธุรกิจได้เลย การลงทุนเปิดร้านสเต็กขนาดเล็กน่าจะปรมาณการคร่าวๆอยู่ที่ 40,000-50,000 บาท ไม่นับค่าตกแต่งร้าน ยิ่งถ้าเราเป้นเจ้าของทำเลยิ่งได้เปรียบ

ทำเลดีมีชัยไปกว่าครึ่ง
การเลือกทำเลที่ดี เป็นเรื่องสำคัญ การจะประกอบธุรกิจไม่ว่าใดๆ ทำเลถือว่ามีส่วนสำคัญมากๆลำดับต้นๆ ก่อนการเปิดร้านต้องเลือก วิเคราะห์ให้ดี
แหล่งที่มีคนพลุ่กพล่าน ใกล้ตลาด แหล่งสถานศึกษา แหล่งบันเทิงต่างๆ ฯลฯ

9/24/2010

ทำวุ้นมะพร้าวขาย

วุ้นมะพร้าว
วุ้นมะพร้าวเป็นขนมไทยที่คนนิยมรับทานกัน เพราะมีรสชาติที่หอมหวานอร่อย ทานแล้วสดชื่น เหมาจะจะซื้อไปฝาก ญาติสนิท หรือคนที่รู้จัก อาชีพทำวุ้นมะพร้าวขายจึงน่าสนใจ น่าลองทำขาย เพราะซื้อง่าย ขายคล่อง ทำไม่ยาก วัตถุดิบก็ไม่ได้มากมายอะไร

วัตถุดิบในการทำวุ้นมะพร้าวได้แก่
ลูกมะพร้าวอ่อน
ผงวุ้น
น้ำตาล
เกลือ
มะพร้าวแก่

วิธีการทำวุ้นมะพร้าว
1.คัดมะพร้าว ใช้มะพร้าวอ่อนที่มีขนาดกำลังพอดี ไม่แก่และไม่อ่อนเกินไป สามารถใช้ช้อนตักเนื้อมะพร้าวออกมาจากกะลาได้ แล้วใช้ช้อนขูด
เนื้อมะพร้าวอออมาเตรียมไว้ ต้องระวังอย่าขูดให้ถึงผึวกะลา เพราะจะทำให้เนื้อมะพร้าวมีสีไม่สวย
2.นำมะพร้าวแก่มาคั้นแยกหัว และแยกหางกะทิ เมื่อได้น้ำกะทิแล้ว
3.นำผงวุ้น น้ำตาล เกลือเล็กน้อย ผสมลงไปกับหางกะทิ แล้วตั้งไฟเคี่ยวจนเดือด
4.ใส่เนื้อมะพร้าวอ่อนลงไป คนให้เป็นเนื้อเดียวกัน แล้วเทหัวกะทิลงไปในตอนสุดท้าย เคี่ยวส่วนผสมทุกอย่างต่อจนเดือดอีกครั้ง
5.ยกลงมาแช่น้ำเย็น แล้ว ให้ตักใส่บรรจุภัณฑ์ทิ้งไว้ให้เย็น เนี้อวุ้นจะแข็งตัว
6.นำแผ่นพลาสติกใสที่ใช้ห่ออาหารมาคลุมให้มิดชิดป้องกันสิ่งสกปรก นำมะพร้าวไปแช่เก็บในตู้ หรือถังแช่ รอขายต่อไป

การลงทุนเบื้องต้น : ประมาณ 3,500 บาท (รวมเตาเตาแก๊ส)

ต้นทุน : ต้นทุนลูกละ 7 บาท
รายได้ : ถ้าขายส่งราคาลูกละ 12-15 บาท
กำไร : จะอยู่ที่ประมาณ 40 %


มะพร้าวเลือกมะพร้าวน้ำหอม โดยซี้อจากสวนตกลูกละ 3-4 บาท

สามารถขายได้ดีในย่านชุมชน และแหล่งที่คนพลุกพล่าน เช่น ตลาดนัด ตลาดสด สถาศึกษา โรงงาน หน่วยงานราชการ หรือ ฝากขายกับร้านขนมไทยใกล้บ้าน
ถ้ามีฝีมือสามารถจัดส่งโรงแรม หรือร้านอาหารได้ ทำส่งขายตามห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาเก็ต หรือแหล่งชุมชน ต่างๆ ก็ได้

คุณค่าทางโภชนาการของมะพร้าว
เนื้อมะพร้าวสามารถนำมาประกอบอาหารได้หลายชนิด หรือนำมาคั้นเอาน้ำกะทิ ประกอบอาหารคาวหวานได้หลากหลายชนิด เนื้อมะพร้าว ประกอบไปด้วยน้ำมันถึง 60-65 % ในน้ำมันมีกรดไขมันหลายชนิด เนื้อมะพร้าวหั่นฝอยใส่น้ำเคี่ยวหรีอตากแห้ง แล้วเคี่ยวจะได้น้ำมันมะพร้าว
ส่วนน้ำมะพร้าวเป็นเครื่องดื่มทีมีคุณค่าทางอาหารสูง รสหวาน หอม ชื่นใจในน้ำมะพร้าว ยังมีน้ำตาล ใปรตีน โซเดียม แคลเซียม โปแตสเซียมแต่สำหรับผู้ที่มปัญหาเป็นโรคหัวใจ
หรือโรคไตก็ไม่ควรดื่นน้ำมะพร้าว

เทคนิคเพิ่มเติม
1. อาจจะดัดแปลงเติมธัญญพืชลงในวุ้นเช่น ถั่วแดง ถั่วทอง ลูกเดือย แห้ว เม็ดบัว เผือก พุทราจีน แปะก๊วย สับปะรด แอปเปิ้ล สาลี่ หรือลูกชิด ฯลฯ เพื่อให้ผู้ที่ชอบซื้อวุ้นมะพร้าวอ่อนน้ำหอมกินเป็นประจำ จะได้ไม่รู้สึกเลี่ยนกับรสชาติเพียงรสชาติเดียว

2. การทำวุ้นมะพร้าวให้มีรสชาติอร่อยนั้น จะขึ้นอยู่กับปริมาณส่วนผสมด่างๆ ต้องเน้นเรื่องความสะอาด และการเก้บรักษาให้อยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสม จะทำให้วุ้นมะพร้าวอยู่ได้นาน ไม่เสียเร็ว
น้ำมะพร้าวที่นำมาทำวุ้น ควรเป็นน้ำจากลูกมะพร้าวที่แก่เต็มที่แต่ไม่แก่จนมีขาวหรือต้นอ่อนสิ่งสำคัญในการทำวุ้นน้ำมะพร้าวคือการรักษาความสะอาดโดยเฉพาะการล้างภาชนะ เมื่อล้างถาดแล้วต้องนำไปผื่งแดดให้แห้งสนิททุกครั้ง
ขอให้คนที่ตั้งใจประกอบอาชีพสุจริต รุ่งเรืองในกิจการ

9/15/2010

ขายเฉาก๊วย

เฉาก๊วย
ขายเฉาก๊วย
เฉาก๊วยเป็นที่จัิกกันดีในฐานะเป็นทั้งอาหารหวาน และเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ มีสรรพคุณแก้ร้อนใน กระหายน้ำได้ดี
สรรพคุณของเฉาก๊วย
เฉาก๊วยมีรสเป็นยาเย็น ดับร้อนในแก้กระหายน้ำ อร่อยชื่นใจ ลดความดัน บำรุงเลือด ลดไข้ ระบบขับถ่ายดี
ขับปัสสาวะ แก้อ่อนเพลีย ลดความดันในร่างกาย

การขายเฉาก๊วยเพื่อเป็นอาชีพเสริมนั้นน่าสนใจไม่ใช่น้อยเพราะ ต้อนทุนการผลิตที่ไม่สูง และ สามารถทำได้ไม่ยุ่งยากอะไร
เมืองไทยเราเป็นเมืองที่มีอากาศร้อนอบอ้าวตลอดทั้งปี อาชีพขายเครื่องดื่มจึงสามารถทำเงินเข้ากระเป๋าได้ดีไม่ใช่เล่น

ส่วนผสม
หญ้าเฉาก๊วยแห้ง 6.5 กก.
แป้งมันสำปะหลัง และแป้งท้าวยายม่อม หากไม่มีใช้แป้งข้าวโพดประมาณ 4 ช้อนโต๊ะแทนก็ได้
น้ำสะอาด 20 ลีตร

ส่วนผสมน้ำเชื่อม
1. น้ำตาลแบบไม่ฟอกขาว 24 กก.
2 .น้ำตาลโอทึ้ง 1 /2 กก.
3. น้ำผึ้ง
4. น้ำเปล่า
5. ใบเตย 1/2 กก.

วิธีทำเฉาก๊วย
1. ล้างทำความทสะอาดหญ้าเฉาก๊วยแห้ง แล้วนำไปใส่หม้อเติมน้ำสะอาด 1 หม้อใหญ่ นำไปต้ม เมื่อน้ำเดือดแล้ว เบาไฟลงเหลือไฟอ่อนคนไปเรื่อย ๆ ใช้เวลาประมาณ 4-5 ชัวโมง
จะได้น้ำเฉาก๊วย ปิดไฟทิ้งไว้ให้เย็น
3. กรองเอาเศษใบหญ้า และกากอื่นๆ ออกให้หมด โดยใช้ผ้าขาวบางรองซ้อนกัน 2-3 ชั้น โดยวางบนภาชนะจะได้เนื้อของเฉากวยที่มีความดำและเหนียวข้นมากๆ
4. กรองประมาณ 3 ครั้ง แล้วเติมแป้งมันสำปะหลัง หรือแป้งข้าวโพด เพื่อให้เฉากวยจับกันเป็นก้อน
5. ทิ้งไว้จนเย็น เฉาก๊วยจะมีลักษณะเป็นวุ้น

การทำน้ำเชื่อมเฉาก๊วย
1.ต้มน้ำสะอาดจนเดือด แล้วใส่น้ำตาลโอทึ้งลงไป คนให้น้ำตาลโอทื้งละลาย
ต้มต่อจนเดือด ใส่น้ำตาลทรายแดงลงไป คนให้ละลาย นำใบเตยที่ล้างสะอาดและหั่นเตรียมไว้ใส่ลงไป ต้มจนเดือดและมีกลิ่นหอม ปิดไฟ
2.ยกลงแล้วใส่น้ำผื้งลงไปในขั้นตอนสุดท้าย รอให้น้ำเชี่อมไว้ให้เย็น แล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง ก่อนนำไปใส่โหลแก้วเตรียมขายคู่กับเฉาก๊วย

***แหล่งซื้อหญ้าเฉาก๊วย
หญ้าเฉาก๊วย มีขายที่ตลาดมหานาค และย่านเยาวราช


**สามารถดัดแปลงเป็น เฉาก๊วยแบบทรงเครื่องโดยเติมเครื่อเคียงอื่นๆ ได้แก่ แปะกวย ถั่วแดง ลูกชิด พุทราเชื่อม รากบัว และผลไม้เชื่อมอื่นๆ เป็นเครื่องประกอบ

การตั้งราคาขาย
-แบบถ้วย 15-20 บาท
-แบบถุง 10 บาท

**การขายเฉาก๊วยจะได้กำไรประมาณ 50% ของยอดขาย อาจจะนำไปส่งขายตามร้านค้าโดยทำแบบถ้วยซีลฝาให้มิดชิด แล้วนำไปฝากขายตามร้านค้าปลีก หรือตู้แช่ต่างๆ แต่ทั้งนี้ต้องคำนึงถึงความสะอาดในทุกขั้นตอนการผลิต

9/07/2010

ขายโรตีตัดกรอบ

รูปโรตีตัดกรอบ

โรตีเป็นอาหารที่ทุกคนชอบรับประทานกัน โรตีมีขายอยู่มากมาย สามารถหากินได้ไม่ยาก การจะขายโรตีต้องคิดที่มันแปลกแตกต่างจากเจ้าอื่นๆ เพื่อให้สารถแข่งขันได้และมีจุดขายเป้นของตัวเอง โรตีตัดกรอบนั้น เป็นอาหารที่ไม่สามารถหาทานกันได้ทั่วๆไป ด้วยความแปลก ที่ไม่ได้ม้วนในกระดาษ แต่ใช้วิธีทอดจนกรอบแล้วตัดเป็นชิ้นๆราดด้วยนม หรือหน้าต่างๆแล้วแต่ลูกค้าจะสั่ง

โรตีตัดกรอบมีความแตกต่างทั้งรูปร่างและรสชาติ ที่ต่างจากโรตีที่เป็นโรตีนิ่ม ๆ รูปแบบกลม ๆ และงม้วนกระดาษอย่างที่เห็นทั่วๆไป โรตีตัดกรอบจึงเป็นอาชีพเสริมที่มีความน่าสนใจไม่ใช่น้อย
วันนี้เราลองมาดูวิธีการเริ่มต้นทำโรตีตัดกรอบสำหรับคนที่สนใจอยากจะขายโรตี เพื่อหารายได้เสริมให้กับตัวเองกันดูบ้างดีกว่า


ส่วนผสมแป้งโรตี (ทำแป้ง1กก.)
แป้งสาลี 1 กก.
น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ
เนยหรือมาการีน 1 ถ้วยตวง
ไข่ไก่ 2 ฟอง
เกลือป่น 1 ช้อนชา
นมสด 1 ถ้วยตวง.
น้ำสะอาด 1 ถ้วยตวง
น้ำมันพืช

**** ถ้าทำแป้งโรตีมากขึ้น ก็เพิ่มปริมาณตามสัดส่วน

เครื่องราดหน้าโรตีตัดกรอบ
นมข้นหวาน น้ำตาลทราย แยมรสต่าง ๆ เช่น สตรอเบอร์รี่.
ราสเบอร์รี่, สับปะรด ,ช็อกโกแลด,โอวัลติน ,ลูกเกด. ,ลูกชิด
เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ,ฝอยทอง,สับปะรดแห้ง ฯลฯ รูปโรตีตัดกรอบ

อาจจะดัดแปลงเพิ่มเติมหน้าได้อีกหลายแบบ

การเตรียมแป้งโรตีแป้งและทอด
1. นำสาลีแป้งมาร่อน 2 ครั้ง แล้วพักไว้ก่อน

2. นำส่วนผสมต่างๆได้แก่ น้ำสะอาด น้ำตาลทราย นมสด ไขไก่ เกลือป่น ใส่ลงในภาชนะที่ใช้ตีไข่ จากนั้นให้คนส่วนผสมให้เข้ากัน พักเตรียมไว้
3. นำแป้งสาลีที่ร่อนเสร็จแล้วใส่อ่างผสม โดยทำเป็นแอ่งตรงกลาง แล้วค่อย ๆ ทยอยใส่ส่วนผสมของเหลวที่เตรียมไว้ลงไปทีละนิด นวดแป้ง
กับส่วนผสมจนเข้ากันดี ถ้าแป้งแห้งไปให้เติมน้ำสะอาดได้นิดหน่อย แล้วนวดต่อเรื่อย ๆ จนแป้งนุ่ม
4. ใส่มาร์การีนลงไป แล้วนวดกับแป้งให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน แป้งที่ดีควรมีลักษณะเหนียวแน่น หนืด ยืด ๆ เนื้อแป้งจะนิ่มและเนียนมือตั้งแป้งพักไว้ประมาณครึ่งชั่วโมง
5. พอแป้งได้ที่ ให้นำแป้งมาปั้นเป็นก้อนกลม ๆ ขนาดพอเหมาะต่อการทอดโรตี 1 แผ่น แล้วนำไปแช่ในน้ำมันพืชอีกประมาณ 2 ชั่วโมง เสร็จขั้นตอนการทำแป้งโรตีตัดกรอบ

วิธีการทอดโรตีตัดกรอบ
1.การทอดโรตีตัดกรอบนั้นต้องใช้น้ำมันมาก เอามือกดบนตัวแป้งให้แบนเรียบ ใช้มือทั้งสองจับมุมแป้งฟาดกลับไป-กลับมา เพื่อให้แป้งยืดและขยายตัว จนมีลักษณะบางเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส
2.วางแผ่นแป้งลงในกระทะ พับทั้งสี่ด้าน ใช้ตะหลิวตัดโรตีระหว่างการทอดให้เป็นชิ้นๆ ขนาดพอดีคำ พลิกโรตีเพื่อทำให้โรดีสุกกรอบเสมอกันทั้งแผ่น เมื่อทอดเสร็จก็ตักใส่ตะแกรงพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน
3.จัดเรียงวางบนกระดาษซับน้ำมัน หน้าตาโรตีตัดกรอบจะดูคล้าย ๆ เกี๊ยวทอดกรอบ โรยหน้าด้วยนม น้ำตาล และเครื่องโรยหน้าต่างๆ ตามที่ลูกค้าเลือก

**ในกรณีที่ทำขายไม่ทัน ก็ใช้วิธทอดแป้งโรตีใส่กระติกเตรียมไว้ก่อน เพื่อให้รวดเร็วในการขายและจะเก็บรักษาความกรอบได้นาน

เมนูโรตีตัดกรอบแบบต่างๆ
โรตีใส่ไข่ ,โรตีไข่ทรงเครื่อง (ใส่แยม หรือใส่เครื่อง 1 ไส้)
โรตีทรงเครื่องรวมมิตร
โรตีตัดกรอบนม-น้ำตาล
โรตีไข่กล้วยหอม
โรตี-ตัดกรอบ ทุกรส สามารถเลือกหน้าต่างๆได้ เช่น ราดด้วยแยม ช็อกโกแลต กล้วยหอม เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ลูกชิด ฝอยทอง ลูกเกด ฯลฯ

อุปกรณ์ในการทำโรตีตัดกรอบ
เตาแก๊ส
กระทะสำหรับทอดโรตี
ตะหล๋ว
กะละมัง ที่ตีไข่ ตาชั่งสำหรับชั่งแป้ง
ช้อนตวง
ไม้คีบ
กระชอนสำหรับกรองเศษแป้งโรตีออกจากน้ำมัน
กระติกน้ำ
หม้อสแตนเลส
มีด เขียง. ช้อน.
กระบวยเล็กมีหูจับ ตะแกรง
กระดาษซับน้ำมัน
กล่องใฟม หรือกล่องพลาสติก


การลงทุนเบื้องต้น ประมาณ 25,000 บาท
กำไร ประมาณ 30% ของราคาขาย
ตั้งราคา 15-20 บาท/ชุด

เลือกทำเลขาย สถานที่เหมาะสมคนเดินผ่านไปมามากขึ้นเท่าใด ยอดขายก็ยิ่งเพิ่มขึ้น พยายามหาทำเลที่ผู้ซื้อจะสังเกตุเห็นได้ง่าย เพื่อเป็นอาจจูงใจให้ลูกค้ามาซื้อสินค้า หาสถานที่ใกล้แหล่งชุมชน ขอเป็นกำลังใจให้ผู้ประกอบอาชีพสุจริตทุกๆท่านครับ
ขอบคุณ ภาพและสูตรของ "โรตีตัดกรอบ โกโหน่ง" ครับ

8/26/2010

ขายขนมกุยช่าย

กุยช่าย


การขายกุยช่ายเพื่อเป็นรายได้เสริมนั้นน่าสนใจไม่ใช่น้อยเพราะต้นทุนการผลิตไม่สูง และขายดีเพราะคนนิยมกินกันมากๆ


เพราะกุยช่ายเป็นผักที่เรารู้จักมานาน เป็นผักที่มีกินได้ตลอดทั้งปี ราคาถูก นอกจากนี้กุยช่ายยังมีประโยชน์ต่อร่างกายต่างๆมากมาย ดังนี้

- แก้อาการปัสสาวะกะปริบกะปรอย โดยใช้เมล็ดแห้งต้มรับประทาน หรือจะทำเป็นยาเม็ดรับประทานก็ได้
- บำรุงน้ำนม คนไทยโบราณเชื่อว่า แม่ลูกอ่อนกินแกงเลียงใส่ผักกุยช่าย จะช่วยบำรุงน้ำนมได้ดี
- แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ขับลม และแก้ท้องผูก โดยใช้ใบสดตำให้ละเอียดคั้นเอาแต่น้ำดื่ม
- แก้อาการฟกช้ำ ใบสดตำให้ละเอียด แล้วพอกบริเวณที่มีอาการ เพื่อบรรเทาปวดและแก้อาการห้อเลือดได้ด้วย
- แก้โรคหูน้ำหนวก ใช้น้ำจากใบกุยช่าย หยอดในรูหู
-รับประทานเป็นผัก เพราะกุยช่าย มีใยอาหารมาก จึงช่วยกระตุ้นให้ลำไส้บีบตัวได้ดี ช่วยระบบขับถ่าย

ประโยชน์มากมายอย่างนี้ ควรหันมารับประทานผักกุยช่ายกันดีกว่า.

ขนมกุยช่ายเป็นขนมที่มีขายอยู่ทั่ว ๆ รสชาติอร่อยจิ้มกับน้ำจิ้มรสชาติเข้มข้น เราก็มักเรียกวา ขนมกุยช่าย ติดปากอยู่เสมอ กินเป็นอาหารว่างที่มีประโยชน์ไม่น้อย ขนมกุยช่าย

ส่วนผสม
แป้งข้าวจ้าว 200 กรัม
แป้งมัน 100 กรัม
กระเทียมเจียว 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำร้อน 2 ถ้วยตวง

วิธีทำ
1. ผสมแป้งทั้งสองชนิดเข้าด้วยิัน เทน้ำร้อนใส่ใช้ไม้พายคนให้เข้ากัน พอแป้งอุ่นนวดให้เนื้อเนียน

2. เอามือแตะแป้งนวล (แป้งมัน) เล็กน้อยนวดจนเหนียวนุ่มคลึงแป้งเป็นก้อนยาว ใช้มีดตัดให้เท่าๆ กัน นำไปคลุกแป้งนวลปั้นเป็นก้อนกลม แผ่ให้บางเป็นรูปเบ้าหรือถ้วย

3. ตักไส้ใส่ จีบริมแป้งให้สวยงาม อดกอนแป้งให้แบนเล็กน้อยวางบนลังถึงซึ่งปูด้วยใบตองฉีกหยาบๆ ทาน้ำมันเล็กน้อย วางให้ห่างกันพอควร

4. นึ่งด้วยไฟแรง พรมน้ำบนตัวขนมเล็กน้อยหนึ่งประมาณ 15 นาที ยอลง แล้วพรมด้วยกระเทียมเจียว


ส่วนผสมไส้กุยช่าย
ใบกุยช่ายหั่น 3 ถ้วย
ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1ช้อนชา
กระเทียมเจียว 1 ช้อนโต๊ะ
พริกไทยป่น 1 ช้อนโต๊ะ
โซดาไบคาร์บอเนต 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำไส้
*.นำส่วนผสมทั้งหมดคลุกเคล้าหมักไว้ 5 นาที ใส่กระชอนให้สะเด็ดน้ำ ผัดพอสุก ใส่ภาชนะเก็บไว้

ส่วนผสมน้ำจิ้ม
น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
ซีอิ๊วดำ 1/2 ถ้วย
น้ำส้มสายชู 1/4 ถ้วยตวง
พริกชี้ฟ้าแดง 4-5 เม็ด
ซีอิ๊วหวาน 1/2 ถ้วย

วิธีทำน้ำจิ้ม
*.นำส่วนผสมทั้งหมด *ยกเว้นพริกชี้ฟ้าแดง ผสมคนๆให้เข้ากัน จากนั้นจึงใส่พริกชี้ฟ้าแดงแกะเม็ดโขลกละเอียดใส่ตามไปทีหลัง


เงินลงทุน

- การลงทุนเบื้องต้น : ไม่เกิน 5,000 บาทรวมอุปกรณ์เตาแก็ส
- ทุนหมุนเวียน : ประมาณ 300 บาท/วัน
- ราคาขาย : ประมาณ 5 บาท
- กำไร : รายได้ที่เป็นกำไร 40% ของยอดขาย

8/15/2010

เปิดร้านน้ำแข็งใส

รูปน้ำแข็งใส
เปิดร้านน้ำแข็งใส
เมืองไทยเป็นเมืองร้อน อากาศอบอ้าวเกือบทั้งปี ธุรกิจที่ช่วยแก้ดับกระหาย จึงเป็น ธุรกิจที่ทำเงินได้ดี นั้นเหมาะกับขนมหวานแบบเย็นๆ เช่น การเปิดร้านน้ำแข็งใสเกล็ดหิมะ ยิ่งเป็นน้ำแข็งใส แนวใหม่ สไตล์เกาหลีที่ มีท็อปปิ้งหลากหลายเมนูให้ลูกค้าเลือก เพื่อดึงดุดความสนใจของลูกค้า ธุรกิจร้านน้ำแข็งใส ตอนนี้กำลังได้รับความนิยมของผู้บริโภคมากขึ้น มึควรพลาดโอกาสสร้างเงินกับกระแสนี้

ขั้นตอนการเปิดร้านนะคะ ควรตั้งงบประมาณการลงทุนไว้ประมาณ 300,000 บาท โดยไปติดต่อ
ต้องเน้นตกแต่งร้านให้แบบครบวงจร ตั้งแต่การออกแบบด้านที่ดูโล่งกว้าง โทนสีของร้าน ตามความรู้สึกของลูกค้าที่อยากจะเดินเข้าร้าน และเหมาะกับขนมหวานแบบเย็นๆ
ตัวเคาน์เตอร์วางท็อปปิ้ง ต้องวางท็อปปิ้งได้หลาย ชนิด

การเลือกน้ำแข็ง
การเลือกน้ำแข็งสำหรับนำมาใช้ ทำน้ำแข็งไสเกลดหิมะต้องติดต่อไปยังโรงงานน้ำ
แข็งโดยตรง เพื่อสั่งน้ำแข็งชนิดพิเศษ คือ น้ำแข็งที่เอาไว้สำหรับไสมือ ก้อนขนาด ประมาณ 4 x 5 นิ้ว เวลานำเอามาใส่เครื่องปั่นน้ำแข็ง
ไสเกล็ดหิมะจะได้น้ำแข็งละเอียดแบบปุยนุ่น โดยน้ำแข็ง 1 กระสอบสามารถทำน้ำแข็งใสได้ประมาณ 50 - 60 ถ้วย

การคัดเลือกวัตถุดิบ
วัตถุดิบสดต้องเน้น ใหม่ สะอาด ต้องซื้อวัตถุดิบที่จะใช้ทำท็อปิ้งวันต่อวันหรือสต๊อกวัตถุดิบไว้ไม่เกิน 3 วัน การเลือกซื้อวัตถุดิบประเภท ผลไม้ไทยๆ เช่น มัน เผือก ลูกชิด ก็สามารถหาซื้อได้ที่ตลาด ย่านตลาดสี่มุมเมือง ผลไม้ต่างประเทศ เช่น กีวี แคนเบอรี่ ส้มแมนดาริน ราสเบอี่ร จะสั่งตรงมาจากบริษัทผู้ผลิต ราคาต้นทุนจะถูกกว่าขายปลีกทั่วไป ส่วนสตรอเบอรี่ อาจจะสั่งซื้อจากโครงการหลวงดอยคำ เมื่อซื้อวัตถุดิบแล้ว บางชนิดต้องนำมาถนอมอาหารโดยการเชื่อม เพื่อให้เก็บไว้ใช้ได้
ประมาณ 3 วัน เมนูท็อปปิ้งต้องมีให้ลูกค้าเลือกหลายๆชนิด เช่น สตรอเบอรี่ ราสเบอรี่ แคนเบอรี่ บลูเบอรี่ ส้มแมนดาริน พีช กีวี เมลอน กล้วยหอม ช็อกโกแลต ถั่วแดงญี่ปุ่น ลูกชิด ลูกเกด มันเชื่อม และผลไม้ตามฤดูกาล เช่น มะม่วง ลูกลาน เงาะ ลำไย ฯลฯ

การคัดพนักงานประจำร้าน
กรณีที่สนใจอยากจะเปิดร้านน้ำแข็งไสเกล็ดหิมะ แต่ไม่ค่อยมีเวลาดูแลร้านน้ำแข็งใส อยากจะจ้าง
พนักงานที่ไว้ใจได้ดูแลร้าน ควรจะเป็นคนที่มีกิริยามารยาทดี ใบหน้ายิ้มแจ่มใส มีชีวิตชีวา รู้จักต้อนรับลูกค้า มีมนุษยสัมพันธที่ดี ต้องเทรนด์พนักงานในด้านการเตรียมวัตถุดิบการเปิดร้านให้ตรงเวลา เช็ดทำความสะอาด และเตรียมวัตถุดิบ เช็คสต๊อกของ จากนั้นก็ขายตามปกติ

การตั้งราคาขาย
การหารายได้เสริมโดยการเปิดร้านน้ำแข็งไสเกล็ด
การกำหนดราคาต้องตั้งราคาที่พอเหมาะ คือ เริ่มต้นที่ 45 - 65 บาท ซึ่งเราอาจจะต้องวางเมนูไว้ หลายรูปแบบเพื่อกำหนดราคาเป็นช่วงให้ลูกค้าเลือก ยกตัวอย่าง เช่น

รูปแบบ เมนูที่ l
ราคาถ้วยละ 45 บาท ลูกค้าเลือกน้ำหวานจากน้ำแดง น้ำเขียว น้ำเขื่อม นมสด ได้ 1 ชนิด เลือกท็อป
ปิ้งได้ 5 อย่าง
เมนูที่ 2 ราคา 60 บาท จะเน้นเป็นเมนูเพื่อสุขภาพ โดยเฉพาะใส่ถั่วแดง โยเกิร์ต ชาเขียว เลือกท็อปปิ้งได้ 5 อย่าง เน้นลูกค้าที่ใส่ใจสุขภาพ

ทำเลการเปิดร้าน
เปิดร้านน้ำแข็งไสเกล็ดหิมะ ต้องดูทำเลว่าเป็นที่ไหน ค่าเช่าเท่าไหร
ต้องมองดูทำเลและกลุ่มลูกค้าเอาไว้ด้วย เพื่อต่อยอดผลกำไรในอนาคต กลยุทธ์ทางการตลาดของการเปิดร้านน้ำแข็งไสเกล็ดหิมะนั้นอยู่ที่ วัตถุดิบต้องมีความสด ใหม่ สะอาด
บวกกับการต่อยอดไอเดียเมนูสร้างสรรค์เอาไว้ประจำร้าน

แหล่งจำหน่ายเครื่องทำน้ำแข็งไสเกล็ดหิมะ

1.บริษัท แม๊กช์ แอนด์ ไมค์ตี้ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน
ชน) บริษัทผู้นำเข้าเครื่องทำน้ำแข็งไสเกล็ดหิมะจากประเทศเกาหลี
โทร 0 2685 3939
2. Apache จำหน่ายเครื่องไสน้ำแข็งเกล็ดหิมะ เครื่องทำนำ
แข็งไสเกล็ดหิมะ โทร 08 5136 0548, 08 6345 6138 เว็บไซต์
www. apache .co.th
3. Thai Wasino Electric จำหน่ายเครื่องทำน้ำแข็งไสเกล็ดหิมะ
ขนาดใหญ่ โทร 0 2399 1600, 0 2749 8787, 0 2749 8788
หรือที่เว็บไชต์ www.thaiwasinoelectric.com
แหล่งซื้อวัตถุดิบ
1. ตลาดสดทั่วไป เฉพาะด้านที่มีขายสินค้าประเภทวัตถุดิบขนมหวานจะมีการจำหนายผลไม้เชื่อม อาทิ มันเชื่อม เผือกเชื่อมพุทราเชื่อม ลูกชิดเชื่อม ลูกตาลเชื่อม
2. ย่านบางลำพู แหล่งขายขนมไทยประเภทเชื่อมต่างๆ อาทิสาเกเชื่อม ฟักทองเชื่อม มันสำปะหลังเชึ่อม เผือกเชื่อม
3. ร้านคุณอุ๊ แหล่งขายส่งของเชื่อม อาทิ แปะก๊วยเชื่อม
พุทราเชื่อม รากบัวเชื่อม โทร 080586 9659, 08 5949 6773

แหล่งจำหน่ายน้ำหวาน
1. บริษัท เฮลช์เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทผู้ผลิตน้ำหวาน แบรนด์ “เฮลล์บลูบอย”
หลากรสชาติ คาทิ ซาสี่ กุหลาบ สับปะรด สละ มะลิ สตรอเบอรี่ ครีมโซดา องุ่น แคนตาลูป บรรจุ 12ขวด/ลัง ราคา 35 บาท/ขวด
ติดต่อ 40 ถ รามอินทรา ต. อนุสาวรีย์ อ. บางเขน กรุงเทพฯ 10220 โทร 0 2971 7160 - 65

2. โรงงานแสงฟ้า โรงงานผู้ผลิตและจำหนายน้ำหวานเข้มข้นแบรนด์ “จีนนี่”รสหวานหอมอร่อย
สีสันสวยงามหลายรสชาติ อาทิ โกโก้ ชา กาแฟ สตรอเบอรี่ บลูเบอรี่ มะลิ ส้ม ครีมโซดา สละไซเดอร์ ฯลฯ บรรจุ 12 ขวด/ลัง ราคา 25 บาท/ขวด
ติดต่อ โทร 0 2931 6า40 - 5

แฟรนไชส์น้ำแข็งใส เกล็กหิมะ
สำหรับคนที่ชอบธุรกิจสำเร็จรูป
1 แฟรนไชสั Bingsoo โทร 0 2685 3939
2 แฟรนไชส์หวาน - ไส ไฮโซ โทร. 08 6304 28981 ,0 2926 7718
3 แฟรนไชส์ Natty's ice โทร 08 6303 84561 ,08 4752 5284
4 แฟรนไชส์ lce Monster โทร 0 2961 7760-3
5 แฟรนไชส์ู Ezkiice snow ice โทร 08 9988 99061 ,08 1307 91 19

ขอขอบคณข้อมูล เปิดร้านให้รวยเป็นล้าน

8/07/2010

อาชีพซ่อมมือถือ

ซ่อมมือถือ
อาชีพซ่อมมือถือ
กระแสความนิยมใช้โทรศัพท์มือถือปัจจุบันในบ้านเราที่สูงมาก ยอดการจำหน่ายมือถีอยังคงพุ่งสูงขึ้น เพราะคุณสมบัติที่สามารถสื่อสาร และ
ความสามารถในการรองรับแอพพลิเคชันต่างๆ ได้มาก ทำให้ผู้บริโภคหลายคนตัดสินใจซื้อหามาใช้งาน แต่โทรศัพท์มือถือก็มีข้อจำกัดใน
การใช้งานเมื่อ เมื่อเสื่อมสภาพลงก็จะมีปัญหาต่าง ๆ ตามมา การซื้อมือถือใหม่ก้อาจจะต้องใช้เงินจำนวนมาก การซ่อมจึงเป็นอีกทางเลือกที่หลายคนใช้
ทำให้อาชีพซ่อมโทรศัพท์มือถือ รับความนิยมอยู่ อาชีพนี้รายได้ดีทีเดียว เพราะว่าคนไทยมีโทรศัพท์มือถีอเกือบทุกคน โดยเฉพาะเด็กวัยรุ่นที่นิยมเปลี่ยนมือถือกันตลอด

เครื่องมือในการประกอบอาชีพ
มัลติมิเตอร์ Hof Air. หัวแร้ง power supply. ตะกั่วเส้น,
ตะกั่วเหลว. ปลั๊ก ลวดอาบน้ำยา
กรณีเปิดเป็นร้านเล็ก ๆ ก้ต้องมีอุปกรณ์อย่างอื่นเพิ่มเติม เช่น โต๊ะ เก้าอี้
หรือถ้าจะขายอุปกรณ์ตกแต่งเสริมไปด้วย เช่น หน้ากาก แบตเตอรี่ และซองใส่โทรศัพท์มือถือ

อาการเสียที่พบบ่อย
เครื่องตกน้ำ, เครื่องดับเปิดไม่ติด, เสียงไม่ดัง,ไมค์ไม่ดัง ชาร์จแบตเตอรี่ไม่ได้, สัญญาณขาดหาย, โทรฯ เข้า-ออกไม่ได้, จอมีปัญหา, อาการกินแบตเตอรี่,ปุ่มกดค้าง

4 อันดับ อาการที่พบบ่อย
1. ตกพื้นหรือถูกกระแทก
2. ตกน้ำ
3. ระบบซอฟต์แวร์ หรีอ โปรแกรมต่าง ๆ เพี้ยน
4. อุปกรณ์หมดอายุ

ตัวอย่างการซ่อม
อาการเครื่องเปิดไม่ติด ซึ่งสามารถทำได้ง่าย ๆ โดยเริ่มจาก
1. ตรวจสอบเบื้องต้นโดยการเช็คเครื่องว่าช็อตหรือไม่
2. ถ้าเครื่องไม่ช็อตให้ใช้มัลติมิเตอร์ ตรวจเช็คการกินกระแสว่ามีไฟเข้าเครื่องหรือไม่
3. ถ้าไม่มีไฟให้เช็คต่อที่ขั้วแบตเตอรี่ ถ้าไม่มีไฟเข้าเครื่องมัลติ-มิเตอร์ แสดงว่าขั้วแบตเตอรี่เสีย
4. แต่ถ้ามีไฟเข้าเครื่องมัลดิมิเตอร์ก็ให้เช็คต่อที่แผงวงจร ตามไลน์วงจรไฟบวก ซึ่งจะมีด้วยกันทั้งหมด 6 ไลน์วงจรไฟบวก เช็คไปทีละไลน์
วงจรไฟบวก ถ้าไม่มีไฟเข้าเครื่องมัลติมิเตอร์ แสดงว่าไลน์วงจรไฟบวกขาด
5. หากเช็คแล้วว่าไลน์วงจรไฟบวกขาด หรือถ้าไม่ขาด แสดงว่าสวิตช์เปิด-ปิดเสีย

ประมาณการเงินลงทุน
•การลงทุนเบื้องต้น : ประมาณ 5,000 บาท
•รายได้ : เมื่อหักลบค่าวัตถุดิบ จะได้กำไรไม่ต่ำอว่า 50% (ขึ้นอยู่กับอาการของเครื่องที่มีปัญหา)

ลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย
คนทุกเพศทุกวัยที่ใช้โทรศัพท์ โดยเฉพาะวัยรุ่น และคนในวัยทำงาน

ช่องทางและทำเลในการจัดจำหนาย
ควรตั้งใกล้แหล่งที่คนพลุกพล่าน ติดถนนใหญ่ ใกล้สถานศึกษา แหล่งวัยรุ่น

ความน่าสนใจของอาชีพซ่อมมือถือ
มือถือยิ่งเล็กยิ่งบอบบาง แต่กลับยิ่งราคาแพง เสียง่ายกว่า
ตกหล่น จมน้ำ นั่งทับ เข้าศูนยไม่ได้ หลุดประกัน จึงมีอาชีพใหม่นั่นคือ รับซ่อมโทรศัพท์มือถือ ต้นทุนต่ำ แต่เก็บค่าซ่อมได้ 400-500 บาท เลยทีเดียว

8/03/2010

อาชีพขายไส้กรอกอีสาน



อาชีพขายไส้กรอกอีสาน
อาชีพขายไส้กรอกอีสานที่เรา เห้นกันอยุ่ตามสองข้างทาง เป็นอาชีพที่น่าสนใจและทำเงินให้ได้ไม่น้อยในแต่ละวัน เหตุผลคือ ไส้กรอกอีสานทำง่าย รับประทานง่าย ทานได้หลายรูปแบบ ทั้งเป็นอาหารว่าง เป็นเครื่องเคียง กับแกล้ม
ไส้กรอกอีสานจึงเป็นอาชีพหนึ่งที่น่าสนใจ หลายคนคงเคยเห็นรถขาย
ไส้กรอกอีสาน แต่คงสงสัยกันว่า เขาทำกันอย่างไร วันนี้ idooidea มีคำตอบเหล่านี้มาฝาก เผื่อใครว่างๆกำลังมองหาอาชีพอยู่ ก็ทดลองทำขายกันได้

อุปกรณ์ในการขาย
รถเข็น
เตา ถ่าน
ตะแกรงสำหรับย่าง
ตู้โชว์
ไม้สำหรับเสียบ
หม้อ มีด กะละมัง เขียง
เชือกป่าน หรือเชือกฝ้าย
ถาดใส่ผักต่างๆ
โหลน้ำจิ้ม

ส่วนผสมในการทำไส้กรอกอีสาน
หนังหมูต้มสุกหั่นเป็นเส้น 1 กิโลกรัม
เนื้อหมูสับ 500 กรัม
วุ้นเส้นหั่นสั้นๆ 500 กรัม
ไส้หมูขม 1 กีโลกรัม
ข้าวสุก 3.5 กิโลกรัม
พริกไทยป่น 5O กรัม
ซอสปรุงรส 30O กรัม
เกลือป่น 20 กรัม
พริกขื้หนู
กระเทียมปอกเปลีอกโขลกละเอียด 500 กรัม
ผักต่างๆที่กินกับไส้กรอกอีสาน เช่น กระหล่ำปลี ขิงดอง หรือขิงสด

วิธีการทำ
1. ขั้นแรก นำไส้หมูขมมาล้างน้ำทำความสะอาด ใช้สายยางสอดเข้าไปในไส้ เปิดน้ำให้ไหลผ่าน ใช้มือคอยรีดทำความสะอาดให้ทั่ว จนไม่มีสิ่งสกปรกอยู่ภายในไส้
2. จากนั้นนำส่วนผสมต่างๆ ได้แก่ หนังหมูหั่น วุ้นเส้น เนื้อหมูสับ ข้าวสุก พริกไทยป่น กระเทียมซอสปรุงรส และเกลีอป่นใส่รวมกันในกะละมัง คลุกเคล้านวดด้วยมือให้ส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันดี
3. ผสมเนี้อหมูกับเครื่องที่โขลกไว้ แล้วนำส่วนผสมยัดใส่เข้าไปในไส้โดยใช้มือกรอก แล้วใช้เชือกป่าน หรือใช้ฝ้ายมัดเป็นปล้องกะขนาดตามต้องการไว้บรรจุใส่ในไส้หมู มัดเป็นท่อนด้วยเชือกกล้วย ใช้เข็มแทงให้ลมออก นำไปแขวนผึ่งแดด 1-2 วัน รอไปย่างขายต่อไป

เทคนิคในการปิ้ง
1.ใช้ไฟอ่อนๆ ย่างๆไปเรื่อย ใส้หมูจะเหลืองกรอบอร่อย
2. ก่อนปิ้งให้ใช้เข็มแหลมแทงเป็นระยะให้ลมออกมา ไส้กรอกจะได้ไม่แตกขณะปิ้ง แต่อย่าแทงถี่จนทำให้ไส้กรอกแตก

ส่วนน้ำจิ้ม อาจจะใช้น้ำจิ้มสูตรลูกชิ้นปิ้งได้เลย
สูตรน้ำจิ้ม
1.พริกแห้งเม็ดใหญ่ 300 กรัม
2.แป้งมันหรือแป้งข้าวโพด 50 กรัม
3.กระเทียมดอง 3 ถุง
4.น้ำตาลทรายขาว 200 กรัม
5.เกลือ 50 กรัม
6.มะขามเปียก 100 กรัม
7.น้ำเปล่า 500 กรัม
8.ผงชูรส ไม่ใส่ได้

ขั้นตอนการทำ
1.นำพริกแห้ง กระเทียมดอง มะขามเปียก มาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วเอาลงปั่น โดยเติมน้ำกระเทียมดองลงไป แล้วปั่นจนละเอียด
2.นำน้ำมาต้มจนเดือด นำส่วนผสมมาใส่หม้อ เติมเกลือ น้ำตาล แป้งมันมาละลายน้ำแล้วใส่ลงไป ค่อยๆเท แล้วคนเรื่อยๆ ดูว่าน้ำจิ้มข้นได้ที่ ชิมรส จะออก 3 รส เปรี้ยว หวาน เค็ม

วิเคราะห์ต้นทุน
เงินลทุน 1,000 บาท
ราคาขาย ไม้ล่ะ 5 บาท
กำไร 250 บาท/5 กิโลกรม

มองหาทำเลในการขายที่เหมาะๆ เช่นในแหล่งย่านชุมชน สวนสาธารณะ และแหล่งที่คนพลุกพล่าน
โรงเรียน ป้ายรถประจำทาง ตลาดสด ตลาดเปิดท้าย รับรองลูกค้ามากมายแน่นอน
เพราะคนชอบกิน ถ้าตั้งใจทำ ทดลองและพัฒนาสูตรให้มีความอร่อยเป็นสูตรเฉพาะ รสชาติดีถูกปากคนกิน ขอเป็นกำลังใจให้คนสู้ชีวิตทุกๆคน

7/25/2010

ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน


ก๋วยเตื๋ยวลุยสวน
อาชีพเสริมที่ใช้ทุนน้อย ขั้นตอนการทำก็ไม่ได้ยุ่งยาก ขายง่าย เป็นอาหารที่ทานง่าย สะดวก และรวดเร็วแถมยังได้สารอาหารครบทั้ง 5 หมู่ เพราะมีทั้งผัก หมู และเห็ดอัดแน่นอยู่ข้างใน รับประทานพร้อมกับน้ำจิ้มที่มีรสจัดจ้าน รวมทั้งใส่ใบโหระพาเพี่อเพิ่มความหอมและรสชาติที่ดีขึ้น

วัตถุดิบ
1. เนื้อหมูสับ 1/2 กก.
2. แผ่นก๋วยเตี๋ยวแผ่นใหญ่ 1 กก.
3. เห็ดหูหนูสดหั่นเล็กๆ 1/2 ถ้วยตวง
4. เห็ดหอมหั่น 1/4 ถ้วยตวง
5. น้ำตาลทราย 1 /2 ช้อนชา
6. พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
7. น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
8. ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ
9. น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
10. แครอทหั่นลูกเต๋า 3 1/4 ถ้วยตวง
11. โหระพาสด
12. ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
13. รสดี รสหมู 2 ช้อนโต๊ะ
14. ไชโป๊วหวานสับหยาบ 1/4 ถ้วยตวง
15. ผักชีไทย
16. ผักกาดหอม
17. น้ำเปล่าต้มสุก

วิธีทำไส้ ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน
1. หมักหมูกับซีอิ๊วขาว พริกไทยป่น รสดี และน้ำตาลทราย นวดให้เข้ากัน หมักไว้อย่างน้อย 15 นาที
2. ตั้งกระทะ พอน้ำมันร้อน นำหมูทีหมักไว้ลงผัดพอสุก ใส่ซอสปรุงรส น้ำมันหอย และรสดีรสหมูที่เหลือผัดคลุกเคล้าให้เข้ากัน ใส่เห็ดหูหนู เห็ดหอม หัวไชโป๊ว แครอท ผัดต่อไปจนเข้ากัน ชิมรสออก เค็ม หวานเล็กน้อยผัดต่อจนน้ำแห้ง ตักใส่จานพักไว้ให้เย็น

เตรียมแป้งก๋วยเตี๋ยวและผัก
1. แผ่นก๋วยเตี๋ยวเเผ่นใหญ่ 1กก. ขนาดกว้าง 12x16 นิ้ว
2. ตั้งลังถึงให้น้ำเดือด นึ่งแผ่นก๋วยเตี๋ยวนานประมาณ 10 นาที แล้วยกลงพักไว้ ให้เย็น
3. ผักกาดหอมตัดเส้นกลางใบออก ตัดเป็นสี่เหลี่ยมขนาด 12x16 นิ้ว ประมาณ 1 ต้นใหญ่
4. โหระพาสดๆ
5. ผักชีเด็ดใบเป็นช่อสั้นๆ

วิธีการห่อก๋วยเตี๋ยวลุยสวน
1. เลือกถุงพลาสติกขนาดใหญ่กว่าแผ่นก๋วยเตี๋ยว นำมาตัดขอบออกเป็นแผ่นใหญ่วางลงพลาสติกคลี่ออกบนโต๊ะที่สะอาด
2. นำแผ่นก๋วยเตี๋ยวที่นั่งแล้วมาพับครึ่ง ขนาด 12x16 นิ้ว และห่อไส้ แล้วม้วนแบบห่อปอเปี๊ยะ ตัดตรงปลายทั้งสองข้างออกเล็กน้อย จากนั้นตัดเป็นชิ้นพอดีคำ

เครื่องปรุงน้ำจิ้ม
1. พริกขี้หนูสวนสีเขียวซอย 20 เม็ด
2. น้ำส้มสายชู 1/2 ถ้วยตวง
3. พริิกขี้หนูสีเขียวซอย 10 เม็ด
4. ใบโหระพาซอยหยาบ ๆ 1/2 ถ้วยตวง
5. กระเทียมไทยโขลกหยาบ ๆ 2O กลีบ
6. น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วยตวง ต้มจนละลาย แล้วพักให้เย็น
7. เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
8. น้ำเปล่า 1/2 ถ้วยตวง

วิธีทำน้ำจิ้มก๋วยเตี๋ยวลุยสวน
ปั่นกระเทียม ใบโหระพา พริกขี้หนูทั้งหมด ให้ละเอียดเทใส่ชาม ใส่น้ำเชื่อม เกลือ คนให้เกลือละลาย ชิมรสให้ออก เปรี้ยว เค็ม เผ็ด หวาน

ประมาณการเงินลงทุน
การลงทุนเบื้องต้น : ไม่เกิน 5,000 บาท
ต้นทุนหมุนเวียน/วัน : ประมาณ 300-500 บาท

ราคาขาย/กล่อง 25-30 บาท
กำไร : ประมาณ 40% ของยอดขายทั้งหมด

ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน สามารถสร้างรายได้ให้ ผู้ที่ต้องการอาชีพเสริมได้ดีมากๆอีกอาชีพหนึ่ง ขอเพียงมีความขยันมุ่งมั่น ตั้งใจทำของดีมีคุณภาพให้ผู้บริโภค รับรอง
ใครที่ได้กินแล้วต้องติดใจ บอกต่อปากต่อปากอย่างแน่นอน

7/02/2010

หมูสะเต๊ะชาววัง



หมูสะเต๊ัะชาววัง

การเลือกเนื้อหมู และการหั่นหมูสะเต๊ะ
การเลือกเนื้อหมูมีส่วนสำคัญในการทำหมูสะเต๊ะ เพราะจะอร่อยหรือไม่เนื้อหมูมีส่วนสำคัญ ควรเลือกใช้เนื้อหมูส่วนสันใน เพราะจะเป้นส่วนที่นุ่มรสชาติดีที่สุด ควรสั่งแม่ค้าไว้
อาจจะรับกันเป็นเจ้าประจำเลยก็ได้ แม่ค้าจะได้จัดไว้ให้ทุกๆวันและต้องกำชับแม่ค้าไว้ว่าจะเอาไปทำหมูสะเต๊ะ จัดส่วนดีๆไว้ให้หน่อย
ถ้าใช้ส่วนหมูสันนอกจะเหนียวไม่นุ่ม

การหั่นหมูนั้นต้องค่อยหัดทำให้ชำนาญ ถ้าหั่นดีๆ เนื้อหมู 1 กิโล จะสามารถเสียบได้ประมาณ 120- 130 ไม้เลยทีเดียว ผู้ทำต้องหัดทำดูจะเกิดความชำนาญเอง

การหมักหมูสะเต๊ะ
ในการหมักหมูสะเต๊ะนั้นน้ำหมักหมู จะเป็นหัวใจสำคัญหมูจะนุ่มอร่อยขึ้นอยู่กับขั้นตอนการหมักหมูนี่ล่ะ ต้องมีสูตรน้หมักหมูที่เป็นสูตรเฉพาะ

สูตรน้ำหมักหมูสะเต๊ะ/ หมู 1 กก.
มะพร้าวขูด 1/2 กิโลกรัม
ผงกะหรี่ 7 กรัม
น้ำตาลทราย 80 กรัม
สีเหลืองผสมอาหาร 1 ซอง
นมข้นจืด 1/4 กระป๋อง
น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ

** สูตรนี้เป็นแนวทาง อาจจะปรับเพิ่มหรือลดลง ตามความชอบ **

วิธีการทำน้ำหมักหมูสะเต๊ะ
1.เริ่มจากการคั้นกะทิแยกหัว-หาง นำหัวกะทิตั้งไฟปานกลาง ตักหางกะทิทีแยกไว้เติมลงไปบ้าง ใช้ไม้พายคนให้กะทิเดือด 1 ครั้ง แล้วดับไฟ ไม่ต้องให้กะทิแตกมัน
2.จากนั้นให้ใส่น้ำตาลทราย น้ำปลา ผงกะหรี่ สีผสมอาหาร นมข้นจืด คนให้เข้ากันดี
3.นำหมูทื่หั่นไว้ มาหมักในน้ำหมัก คลุกเคล้าด้วยมือเบาๆ ให้เข้ากันดี
4.นำหมูที่หมักแล้ว เข้าไปแช่ไว้ในตู้เย็นช่องธรรมดาๆ 3 ชัวโมง
5.พอหมักได้ที่ ครบ 3 ชั่วโมง ให้นำหมูออกมาเสียบไม้ และเรียงหมูสะเต๊ะใส่ถาดไว้โห้เรียบร้อย
6.ขั้นตอนต่อไปให้นำหมูที่เสียบไม้แล้วแช่ไว้ในช่องฟรีชอย่างน้อย 24 ชั่วโมง

****
หมูหมัก ถ้าวางด้านล่างตู้เย็นต้องเร่งความเย็นเพิ่มขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้เนื้อหมูเขียว หมูหมักทีแช่ไว้ในช่องฟรีซ เวลาจะนำออกมาปิ้งขายก็ละลายน้ำแข็งก่อน
หมูหมักที่แช่ไว้ในช่องฟรีซ สามารถเก็บไว้ได้นาน 3 เดือน โดยทีรสชาติไม่เปลี่ยนแปลงเลยทีเดียว น้ำหมักหมูสะเต๊ะก็เช่นเดียวกันหากนำใส่ขวดแช่ตู้เย็นช่องธรรมดาสามารถเก็บไว้ได้ 3 เดือน
เวลาจะใช้ห้ามนำไปอุ่นไฟเด็ดขาด เพียงแต่นำมาคนๆ ให้ตะกอนเข้ากันใช้ได้แล้ว และเวลาใช้ให้ราดพอชุ่มเพราะหมูสันในจะนุ่มอยู่แล้วพอราดน้ำหมักเข้าหมูจัดูดน้ำหมักเข้า

**เคล็ดลับ**
การนำหมูที่หมักแล้วมาใส่ช่องฟรีซเอาไว้อย่างน้อย 24 ชั่วโมง จะทำให้เนื้อนุ่ม และเครื่องปรุงรสต่างๆชึมซับเข้าไปในเนื้อหมูสะเต๊ะได้ดี เหตุฑิ
และจะทำให้หมูมีความหนืด เสียบไม้ได้ง่ายๆอีกด้วย

สูตรน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ สูตรนี้ใช้กับหมู 1,000 ไม้
สำหรับสูตรน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะนั้นมีดังนี้
มะพร้าวขูด 5 กก.
น้ำตาลปิ๊บ 1.5 กก.
น้ำปลา 1/2 ถ้วย
น้ำส้มสายชู 1/2 ถ้วยน้ำพริกหมูสะเต๊ะ 0.5 กก.
ถั่วลิสงคั่ว 0.5 กก.

ขั้นตอนการทำน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ
1.นำมะพร้าวมาคั้นแยกหัวกะทิ และหางกะทิ แล้วนำหัวกะทิตั้งไฟเคี่ยวใช้ไฟแรง คนไปทางเดียวตลอดรอจนกะทิแตกมัน ระวังอย่าให้ก้นหม้อไหม้ ถ้าไหม้ให้เปลี่ยนหม้อทีใช้เคี่ยวเลย เพราะจะทำให้น้ำจิ้มที่ได้มีกลิ่นเหม็นไหม้
2.แยกเปลือกถั่วลิสงออก และน้ำถั่วมาปั่นรวมกับหางกะทิจนละเอียดเป็นน้ำนม จากนั้นนำส่วนผสมมาใส่ในหม้อเคี่ยวกะทิ และเคี่ยวต่อให้แตกมัน
3.ใส่น้ำตาลปี๊บ คนจนน้ำตาลละลาย ใส่น้ำปลา น้ำส้มสายซูลงไป
4.ใส่น้ำพริกหมูสะเต๊ะลงไปแล้วคนจนละลายหมด ช่วงนี้ควรใช้ไฟแรง เพื่อให้น้ำพริกละลายหมดและแตกมันลอยขึ้นมา จากนั้นค่อยปรับใช้ไฟอ่อน คนเบาๆไปเรื่อยๆ จนได้ที่จึงปิดไฟ
*** การเก็บรักษาน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ โดยการใส่ขวดปิดฝาให้ดี แช่ตู้เย็นช่องธรรมดาเก้บไว้ได้นาน 3 เดือน

ส่วนผสมอาจาด
น้ำตาลทราย 2 กก.
เกลือป่น 1 ถุง
น้ำส้มสายชู 1 ขวด
แตงกวาหั่น
หอมแขกหั่น
พริกชี้ฟ้าเหลือง แดงซอย

วิธีทำ
ก็นำส่วนผสมทั้ง หมดมาผสมกันแล้ว ตั้งไฟปานกลาง คนให้น้ำตาลละลาย แล้วปล่อยให้เดือด 1 ครั้งปิดไฟ ปรุงรสให้ถูกใจ


การปิ้งหมูสะเต๊ะให้อร่อย

- เตรียมเตาปิ้งให้พร้อม จะเป็นเตาอะลูมิเนียมหรือเตาเหล็กก็ได้เอาให้ขนาดพอดี กะว่าปิ้งได้ครั้งละ 30 ไม้ กำลังเหมาะสม
- ถ่านที่ใช้ ควรเป็นไม้โกงกาง ให้ความร้อนได้ดีกว่าถ่านไม้อื่นๆ และจะทำให้หมูสะเต๊ะมีกลิ่นหอมมากกว่าถ่านไม้อย่างอื่น
- เวลาปิ้งหมูสะเต๊ะ เมื่อนำหมูวางบนเตาให้พรมกะทิให้ชุ่มๆทันที เพื่อป้องกันหมูสะเต๊ะแห้งเกินไป หรือจะพรมตลอดก็ได้
- พอพรมกะทิเสร็จ ต้องกลับหมูสะเต๊ะทันที ไม่งั้นจะไหม้ได้ และควรพลิกทีเดียวหลายๆ ไม้พร้อมๆกัน
- เมื่อเห็นหมูสะเต๊ะเปลี่ยนสีแสดงว่าสุกพอดีแล้ว อย่าให้สุกมาก จะแห้งเกินไปไม่น่าอร่อย

***รสชาติความอร่อยและความหอมอาจจะอยู่ที่การปิ้งด้วยเตาถ่าน


อาชีพการขายหมูสะเต๊ะนั้นเป้นอาชีพที่น่าสนใจ Idooidea หวังว่าพอจะเป้นแนวทางให้ท่านที่สนใจได้มีอาชีพเสริมสำหรับใช้ เป็นแหล่งสร้างรายได้ให้ตัวเอง ขอเป็นกำลังทุกท่านที่มีความมุ่งมั่นครับ

6/02/2010

อัฎฮาเอ็กซ์เพรส บริการรับ - ส่ง เอกสารและพัสดุภัณฑ์




อัฎฮา เอ็กซ์เพรส บริการรับ - ส่ง เอกสารและพัสดุภัณฑ์


รับ - ส่ง เอกสารและพัสดุภัณฑ์ย่านนนทบุรีและพื้นที่ใกล้เคียง

รายละเอียดในการให้บริการ

- อัตราค่าบริการตามข้อตกลงระหว่างลูกค้าและผู้ให้บริการ
- มีแมสเซนเจอร์ไปรับเอกสารถึงที่ และจัดส่งถึงมือผู้รับโดยปลอดภัย
- วันและเวลาทำการ จันทร์ - ศุกร์ เวลา 06.00 - 18.00 น.
- พื้นที่ให้บริการจังหวัดนนทบุรี ทุกเขต และพื้นที่กทม. ใกล้เคียง

บริการรับ - ส่ง เอกสารและพัสดุภัณฑ์

อัฎฮา เอ็กซ์เพรส มีประสบการณ์ในการให้บริการ
รับ - ส่งเอกสารและพัสดุภัณฑ์ มานานโดยเราให้บริการครอบคลุมสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ เช่น บริการรับส่งเอกสารด่วน ,เก็บเช็ค, วางบิล, งานสรรพากร, ประกันสังคม, ชำระค่านำค่าไฟค่าโทรศัพท์ ฯ เป็นต้น มีพนักงานรับ - ส่งเอกสารที่อยู่ในความดูแล
อัฎฮา เอ็กซ์เพรส ขอเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลเรื่องการรับ
- ส่งเอกสารและพัสดุภัณฑ์ เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระของท่าน โดยท่านสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทำไมจึงต้องใช้บริการของ อัฎฮา เอ็กซ์เพรส
- มีทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญชำนาญด้านรับส่งเอกสารเป็นอย่างดี
- มีประสบการ มีความเชี่ยวชาญในด้านเส้นทางการให้บริการ
และบุคลากรที่มีประสบการณ์งานด้านรับ - ส่งเอกสารเป็นอย่างดี

- มีทีมงานที่มีประสิทธิภาพ ปฏิบัติงานเชิงรุก
- เราคือมืออาชีพผู้มีความเชียวชาญ
- เราเข้าใจเรื่องงานรับ - ส่งเอกสารเป็นอย่างดี

"รับส่งเอกสารรวดเร็วประทับใจ นึกถึง อัฎฮา เอ็กซ์เพรส"


หากต้องการใช้บริการหรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

ติดต่อได้ที่ ที่อยู่ 38/1 หมู่ 9 ตำบลสวนใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี 11000 (ท่าน้ำนนทบุรี- หอนาฬิกา)

โทร ยี 0896098750 ,ซัลวา 0816206356 หรือ E-mail : Sunwa-12@hotmail.com
ท่านใดสนใจก็ลองติดต่อสอบถามกันไปได้นะครับ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆท่านที่ ตั้งใจทำมาหากิน ขอให้กิจการก้าวหน้า รุ่งเรื่องครับ

6/01/2010

ทำวุ้นขายรายได้ดี


วุ้นขายรายได้ดี

วุ้นเป็นขนมที่ มีรสชาติหวานอร่อย ทำง่าย ราคาไม่แพง มีมากมายหลายแบบเราสามารถทำวุ้นเพื่อเป็นอาชีพสร้างรายได้เสริมหาเงินเข้ากระเป๋าได้ง่ายๆ วันนี้ มีสูตรการทำวุ้นมาฝาก หลายสูตร
ลองศึกษาและทดลองทำกินกันดูได้ เมื่อรสชาติอร่อยเข้าที่เข้าทางแล้วก้ทำขายได้สบายๆ

เคล็ดลับการทำวุ้นสารพัดแบบ
สิ่งที่สำคัญในการทำวุ้น คือวัตถุดิบ ผู้ทำควรเลือกยี่ห้อวุ้นที่จะนำมาใช้ เพราะวุ้นแต่ละยี่ห้อมีคุณสมบัติทางเคมีในการดูดน้ำ ความยืดหยุ่นของเนื้อผิวสัมผัสที่ไม่เหมือนกัน ผู้บริโภคจะสามารถแยกแยะออก เมื่อตอนรับประทาน จะอร่อยหรือไม่อร่อย วัตถุดิบมีส่วนสำคัญ
ผู้ผลิตควรคำนึงถึงการบรรจุหีบห่อ เพื่อให้วุ้นดูน่ารับประทาน และเป็นที่สะดุดตา
การเริ่มต้นหัดทำ การคิดจะทำวุ้นขาย ต้องมองตลาด ดูว่ากลุ่มลูกค้าว่าชอบวุ้นแบบไหน เช่น อาจจะจะชอบวุ้นสี วุ้นกระทิ วุ้นมะพร้าว ช่วงที่จะขายวุ้นได้ดีที่สุดคือ ช่วงเทศกาลปีใหม่ หรือช่วงเทศกาล เหมาะจะเป็นของฝาก
*** เคล็ดลับการทำวุ้น วุ้นควรเก็บแช่ในตู้เย็นตลอดเวลา ควรบริโภคหรือขายภายใน 1 สัปดาห์ สำหรับกะทิ ควรเป็นกะทิที่คั้นจากมะพร้าวสดๆเท่านั้นจะหอมมันอร่อยกว่า

การทำวุ้นเยลลี่
ส่วนผสม
น้ำสะอาด 3 ถ้วย
ผงวุ้น 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทรายทดลองเพิ่มจนหวานพอใจ

ส่วนผสม ของหน้ากะทิ
กะทิ 3 ถ้วย
ผงวุ้น 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย ตามความชอบ
เกลือ นิดหน่อย
วิธีทำตัววุ้น
1.ใส่น้ำลงไปในหม้อ เทผงวุ้นลงไปคนจนละลายเข้ากัน จากนั้นนำไปตั้งไฟ คนไปเรื่อยๆอย่าหยุด
2.พอเดือดเติมน้ำตาลทรายลงไปคนจนน้ำตาลละลาย รอจนให้เดือดอีกครั้ง ยกออกจากเตา
3. ให้เทใส่ถาด หรือแบบพิม ที่เราจะทำแบบของวุ้น

การทำหน้ากะทิของวุ้น
1.ใส่กะทิไปในหม้อใส่ผงวุ้นแล้วคนให้เข้ากันก่อน จากนั้นยกขึ้นตั้งไฟ คนไปเรื่อยๆ
2.เมื่อกะทิเริ่มเดือด เติมน้ำตาลทราย,เกลือ คนละลาย พอน้ำตาลและเกลือละลายยกลงมา
3.ก็นำหน้ากะทิ มาเทลงบนตัววุ้นที่เราทำทิ้งไว้ และจับตัวเป็นวุ้นแล้วดูแค่ประมาณจับตัวเป็นก้อนก้ใช้ได้ ไม่ต้องรอจนแข็งเป็นวุ้นก็เทได้ เพราะถ้าแข็งแล้ว เรานำกะทิมาเทลงไปจะไม่ติดกัน ต้องระวังให้มาก
4.เมื่อเทหน้ากะทิแล้ว ก็รอให้เย็น แล้วนำวุ้นกะทิที่ได้เข้าแช่ในตู้เย็นได้เลย

ทำวุ้นไข่
ส่วนผสม
วุ้นผง 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำ 2 1/2 ถ้วย
น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
ไข่ไก่ 1 ฟอง
สีผสมอาหารสีเหลืองไข่
กลิ่นมะลิ

วิธีทำ
1.ใส่วุ้นในน้ำคนๆ พอวุ้นดูดน้ำ ยกหม้อไปตั้งไฟเคี่ยว เติมน้ำตาล เติมกลิ่นมะลิและใส่สีผสมอาหาร เพื่อกลบกลิ่นไข่
2.นำไข่ไก่มา 1 ฟอง ตีพอเข้ากัน แต่ไม่ถึงกับฟู เมื่อเคี่ยววุ้นจนเดือดแล้ว ให้เทไข่ให้กระจายจนทั่ว เคี่ยวต่อจนไข่สุก
ต้องระวังถ้าวุ้นไม่เดือด ระวังไข่จะคาว และเวลาโรยไข่ ให้ยกไข่สูงๆ
3.เมื่อไข่สุกก็ยกมาเทลงพิมพ์ รอให้วุ้นจับตัว เสร็จแล้วนำไปแช่เย็น รอขาย

วุ้นมะพร้าว
ส่วนผสม
1. ผงวุ้นตรานางเงือก 15 กรัม
2. น้ำมะพร้าวอ่อน 5 ถ้วยตวง
3. น้ำตาลทราย 300 กรัม
4. เนื้อมะพร้าวอ่อนจากลูกที่ผ่าเอาน้ำ

วิธีทำ
1. ผ่ามะพร้าวอ่อนเทเอาน้ำมะพร้าว กรองผ่านกระชอนเพื่อให้ได้น้ำที่สะอาดไม่มีฝุ่น ตวงน้ำมะพร้าว 5 ถ้วยตวง
2. จากนั้นขูดเนื้อมะพร้าวอ่อน ให้เป็นเส้นบางๆ แล้วนำเนื้อมะพร้าวมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
3. ผสมวุ้นในน้ำมะพร้าวอ่อน แล้วคนๆให้ละลาย นำไปใส่หม้อตั้งไฟปานกลางคนส่วนผสมไปเรื่อยๆจนเดือด จากนั้นเติมน้ำตาลทรายพอน้ำตาลละลาย ลองชิมดูถ้าไม่หวานค่อยเติมน้ำตาลเพิ่มอีกก็ได้
4. ใส่เนื้อมะพร้าวลงไป ต้มต่อสักพัก คนส่วนผสมไปเรื่อย จากนั้นปิดไฟ คนส่วนผสมต่อให้คลายร้อนสักพัก 5. เตรียมพิมพ์ถ้วยปรมาณ 80-100 ถ้วย นำวุ้นที่เริ่มเย็นลง ไปหยอดใส่พิมพ์ จากนั้นปล่อยให้วุ้นแข็งตัว เก็บใส่ภาชนะปิดฝา แช่ตู้เย็น

วุ้นกะทิ
ส่วนผสมตัววุ้น
วุ้นผง 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
น้ำใบเตยคั้น 1/2 ถ้วย
น้ำสะอาด 2 1/2 ถ้วย

วิธีทำตัววุ้น
1.ใส่น้ำวุ้นลงในหม้อ คนให้ละลาย ตั้งไฟปานกลาง เมื่อวุ้นละลายใส่น้ำตาล ใส่น้ำใบเตยคนให้ทั่ว ยกลงรอสักครู่
ส่วนผสมหน้ากะทิ
วุ้นผง 1 ช้อนโต๊ะ
หัวกะทิ 2 ถ้วย
เกลือป่น 1 ช้อนชา
ใบเตยหั่นท่อน 3-4 นิ้ว 5 ใบ
น้ำสะอาด 1 ถ้วย

วิธีทำหน้ากะทิ
1.ใส่น้ำวุ้น ลงในหม้อคนๆ ตั้งไฟปานกลาง พอเดือดใส่น้ำตาล หัวกะทิ เกลือ ใบเตย คนไปเรื่อยๆ พอเริ่มเดือด ยกลงตักใบเตยออก
2.หยอดหน้ากะทิใส่พิมพ์ก่อน จากนั้นจึงหยอดวุ้นใบเตยตาม

วุ้นกรอบ
ส่วนผสม
ผงวุ้น 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
แป้งเท้ายายม่อม 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำลอยดอกมะลิ 2 ถ้วย
น้ำตาลทรายขาว 2 ถ้วย

วิธีทำ
1. นำวุ้นกับน้ำใส่หม้อ ตั้งไฟกลางคนให้วุ้นละลาย ใส่น้ำตาลทรายขาว คนต่อไปให้น้ำตาลละลาย
2. เคี่ยวต่อให้เหนียวนิดหน่อย นำแป้งเท้ายายม่อมละลายน้ำเทส่วนผสมให้เข้ากับวุ้นที่เคี่ยวไว้ การใส่แป้งเท้ายายม่อมเพราะทำให้เนื้อวุ้นไม่แข็งกระด้าง
3. เทวุ้นลงในถาด หนาประมาณ 1/2 นิ้ว ทิ้งไว้ให้แข็งตัว ตัดด้วยพิมพ์รูปต่างๆหรือตัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมด้วยมีดตัดวุ้น
4. นำวุ้นที่ได้ไปตากแดดจัดๆประมาณ 2-3 วัน จนแห้งสนิท เก็บใส่ภาชนะรอขาย

วุ้นตะไคร้ลอยแก้ว
ส่วนผสม
น้ำตะไคร้ต้มจนมีกลิ่นหอม 650 ซีซี
น้ำตาลทราย 100 กรัม
ผงวุ้นสำหรับทำขนม 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1/8 ช้อนชา
น้ำเชื่อม 200 ซีซี
น้ำแข็งบดตามชอบ
ตะไคร้
ใบสะระแหน่
เชอร์รี่แดงสำหรับแต่งหน้า

วิธีการทำ
1.ผสมทุกอย่างใส่หม้อใช้ไฟปานกลาง ต้มจนเดือด
2.เทใส่พิมพ์ พักไว้จนวุ้นทรงตัวดี แช่เย็นจนถึงเวลารับประทาน

วิธีรับประทาน
ขูดวุ้นเป็นเส้นตักใส่ภาชนะ เติมน้ำเชื่อม น้ำแข็งบด แต่งด้วย ตะไคร้ เชอร์รี่แดง ใบสะระแหน่

วุ้นกะทิใบเตย
ส่วนผสม
วุ้นผง 2 ช้อนโต๊ะ
หัวกะทิ 2 ถ้วย
เกลือป่น1/2 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทรายทำตัววุ้น1 ถ้วย
ใบเตยหั่นท่อนยาว 3 นิ้ว5 ใบ
น้ำใบเตยข้นๆ1/2 ถ้วย
น้ำ 3 1/2 ถ้วย

วิธีทำ
1. ทำหน้ากะทิก่อน โดยการเคี่ยวน้ำ 1 ถ้วยกับวุ้นผง 1 ช้อนโต๊ะ พอเดือดและวุ้นละลาย ใส่น้ำตาล กะทิ เกลือและใบเตย รอให้เดือดอีกครั้ง ตักใบเตยออก
2. ลดไฟอ่อนสุด ตักหน้ากะทิหยอดใส่พิมพ์ประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ ทิ้งไว้พอหน้ากะทิอุ่นๆและตึง
3. ขณะที่ทำหน้ากะทิ ก็ทำตัววุ้นไปพร้อมๆกัน โดยใส่น้ำและวุ้นผงที่เหลือลงในกระทะทองเหลือง ตั้งไฟกลางปานกลาง ใส่น้ำตาล คนให้น้ำตาลละลาย ใส่น้ำใบเตย คนให้ทั่ว
4. ลดไฟอ่อนที่สุด ตักตัววุ้น 2 ช้อนโต๊ะ หยอดทับหน้ากะทิ หยอดสลับกับหน้ากะทิจนเต็มพิมพ์ ทิ้งไว้ให้เย็น แคะออกจากพิมพ์ ใส่ภาชนะ รอขาย


***** การทำวุ้นแบบให้เป็นหลายๆชั้น
ถ้าเราต้องการทำวุ้นแบบหลายๆ ชั้นก็ให้ทำดังนี้ เมื่อเทชั้นหนึ่งแล้ว ต้องรอให้ชั้นนั้นอยู่ตัวก่อน แล้วค่อยเทอีกชั้นหนึ่งลงไป อาจจะใช้วิธี หัดหยอดวุ้นกะทิให้ชำนาญก่อน คือ หยอดวุ้นชั้นหนึ่ง หยอดกะทิชั้นหนึ่ง
จนชำนาญดีแล้วจึงค่อยทำแบบที่เป็นวุ้นสี สลับชั้นกัน ถ้าเทวุ้นซ้อน 2 ชั้น แล้วสีซึมผสมกัน แสดงว่าวุ้นในแต่ละชั้นยังไม่อยู่ตัว หรือเทแล้ววุ้นแต่ละชั้นไม่ติดกัน แสดงว่าวุ้นแห้งเกินไป
เมื่อทำเสร็จ ต้องรีบนำวุ้นเข้าตู้เย็นเพื่อไม่ให้วุ้นคืนตัว

เคล็ดลับ
1. วิธีการต้มวุ้นให้ใส เป็นเงา ตั้งวุ้นให้ละลายก่อนจึงใส่น้ำตาล เมื่อเดือดยกลง และเมื่อใส่น้ำตาลแล้วไม่ควรเคี่ยวนาน เพราะวุ้นจะข้นไม่ใส
2. อาจจะผสมสีต่าง ๆ ในส่วนผสมหน้ากะทิก็ได้ตามความต้องการ

วิธีการทำวุ้นนั้นก็ง่ายๆทดลองทำกันดูเพื่อให้เกิดความชำนาญ จนมีรสชาติอร่อย ถุกปากคนกินและสามารถนำไปขายสร้างรายได้ให้เราอีกทางหนึ่ง เป็นกำลังใจสำหรับคนทำมาหากิน ทุกๆคน

5/26/2010

สร้างรายได้กับสมุนไพรจันทร์สว่าง



สร้างรายได้กับสมุนไพรจันทร์สว่าง
ดร.กัญชร จันทร์สว่าง” หรือ “ป้าอ้อ” ประธานบริษัท จันทร์สว่าง เฮิร์บเบิล ไลน์ จำกัด ผู้สร้างตำนาน สมุนไพรพันล้าน เดิมทีแรก ท่านรับราชการเป็นพัฒนากร สังกัดกรมพัฒนาชุมชน จากการต้องลงพื้นที่ทำงาน ตากแดด ตากลม จนผิวหน้าประสบปัญหา สิวฝ้า รักษาหลายวิธีไม่หาย จนได้พบกับสมุนไพรสด ที่สามารถดูแลผิวหน้าให้กลับมาเนียนใสได้ดังเดิม
จนได้รับสมญานาม “ราชินีสมุนไพร” ป้าอ้อ เป็นบุคคลที่รู้ซึ้งในคุณค่าของสมุนไพรอย่างแท้จริงมาตลอดระยะเวลา 20 ปีที่อยู่ในแวดวงธุรกิจเวชสำอางสมุนไพร จึงนำมาสกัดและพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม แก้ปัญหาสิว – ฝ้า จุดด่างดำ
“จันทร์สว่าง” เป็นธุรกิจความงามที่ ดร.กัญชร จันทร์สว่าง ได้สร้างแบรนด์ขึ้นมาจนเป็นที่รู้จักเมื่อปี 2547 ศูนย์ความงามภายใต้แบรนด์จันทร์สว่าง ก็ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้มีมากกว่า 400 ศูนย์ทั่วประเทศ และยังเปิดต้อนรับผู้ที่สนใจได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขยายธุรกิจความงามให้กระจายไปทั่วทุกจังหวัด

ผลิตภัณฑ์สมุนไพรจันทร์สว่าง ตอบโจทย์ผู้บริโภค
ดร.กัญชร จันทร์สว่าง นับเป็นตัวอย่างนักธุรกิจหญิงที่ไม่หยุดนิ่ง ในการศึกษาหาความรู้จนได้ดีและประสบความสำเร็จในชีวิต สร้างปรากฏการณ์ให้กับวงการธุรกิจความสวยความงาม
สิ่งที่ทำให้สมุนไพรจันทร์สว่างเติบโตมาถึงทุกวันนี้ ก็เนื่องจากสินค้าเป็นที่ต้องการของตลาด สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้ดี ถือเป็นเรื่องดีที่สามารถช่วยเหลือคนที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาผิวพรรณ ด้วยความใฝ่รู้ ดร.กัญชร ได้พากเพียรศึกษาพัฒนาความรู้ด้านเภสัชศาสตร์และเรื่องการแพทย์แผนไทย จนกระทั่งสำเร็จปริญญาเอก จากมหาวิทยาลัย American University of Hawaii เพื่อมุ่งมั่นวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมาให้ผู้บริโภคได้ใช้ ผ่านทางศูนย์ความงามจันทร์สว่าง
จุดแข็งผลิตภัณฑ์ อยู่ที่สมุนไพรธรรมชาติ

จุดเด่นที่เป็นหัวใจของธุรกิจความงามจันทร์สว่าง
อยู่ที่ผลิตภัณฑ์สมุนไพรธรรมชาติเพื่อความงาม คิดค้นและปรุงเป็นสูตรเฉพาะจากตำรับที่เรียกว่า “ต้นน้ำแห่งเวชสำอางสมุนไพร” มีสรรพคุณช่วยเนรมิตผิวที่มีปัญหา สิว ฝ้า กระผิวหมองคล้ำ ให้สวยใสแบบไร้อาการ โดยในปี 48 บริษัทได้ลงทุนกว่า 20 ล้านบาท สร้างโรงงานวิจัย พัฒนาผลิต และควบคุมคุณภาพสินค้าด้วยตัวเอง ในบริเวณพื้นที่ของอาคารจันทร์สว่างที่มีเนื้อที่รวม 4 ไร่ ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ความงามที่ได้มาตรฐานรองรับกับความต้องการของผู้บริโภคที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ โดยในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ จันทร์สว่างอยู่ทั้งสิ้นกว่า 50 รายการ อาทิ ชุดทำความสะอาด ชุดปรับสภาพผิวหน้า ชุดรักษาสิว ชุดรักษาฝ้า ชุดกระชับสัดส่วน ฯลฯ โดยในปีนี้ มีแผนที่จะเพิ่มไลน์สินค้าใหม่อีกประมาณ 15 ชนิด และเมื่อรวมกับกลยุทธ์การขยายตลาด จึงมีการนำจุดดีของ “ธุรกิจแฟรนไชส์” กับ “ธุรกิจขายตรง” มารวมกัน ทำให้การกระจายสินค้าสู่มือผู้บริโภคและการขยายศูนย์ความงามจันทร์สว่างเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
เปิดโอกาสทองสู่นักลงทุน
ปัจจุบันศูนย์ความงามจันทร์สว่าง เปิดให้บริการกว่า 400 ศูนย์ ทั่วประเทศ จุดเด่นที่ดึงดูดให้นักลงทุนตัดสินใจลงทุนกับจันทร์สว่าง เป็นเพราะเงื่อนไขการลงทุนที่น่าสนใจ คือ ลงทุนน้อย คืนทุนไว และไม่เสี่ยง โดยผู้สนใจลงทุนเฉพาะสินค้ามูลค่า 50,000 บาท ก็สามารถเปิดศูนย์ความงามจันทร์สว่างได้ (ฟรีค่าแฟรนไชส์ 30,000 บาท และค่าค้ำประกัน 30,000 บาท รวมทั้งสิ้น 60,000 บาท) พร้อมรับการฝึกอบรม ในคอร์สซูเปอร์ไวเซอร์ บิวตี้ เซ็นเตอร์ เรียนรู้สรรพคุณสมุนไพร สภาพโครงสร้างของผิวพรรณ ประเภทของผลิตภัณฑ์ หลักการบริหารศูนย์ รวมถึงการทำการตลาดในท้องถิ่นตนเอง “ผู้ที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจเรา นั้นขอเพียงมีความตั้งใจ รักงานบริการ ไม่จำเป็นต้องมีความรู้สูง อายุ เพศ วัยไม่เกี่ยว มีมนุษยสัมพันธ์ดี มีคุณธรรม ที่สำคัญมีความพร้อมในการดูแลธุรกิจ และลงมือทำเองได้ อย่างไรก็ตาม คนที่จะมาเปิดแฟรนไชส์กับเรา ต้องเริ่มต้นใช้ผลิตภัณฑ์ด้วยตัวคุณเอง เพราะเราเชื่อว่าเมื่อใดที่คุณเกิดความศรัทธาและเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ การบริหารศูนย์ความงามก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป”
ดร.กัญชร ยังกล่าวถึงความเห็นต่อการใช้บริการสินเชื่อกับทาง SME Bank เพื่อเพิ่มโอกาสในการลงทุนแก่ผู้สนใจทั่วไปว่า ยอมรับว่า SME Bank มีส่วนช่วยเหลือผู้ประกอบการอยู่มากในการทำตลาด และด้านการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ถ้าผู้ประกอบการรายใดสนใจใช้บริการสินเชื่อได้ที่ SME Bank Call Center 1357

รายได้จาก 3 ช่องทาง
ผู้ที่ลงทุนทำธุรกิจกับจันทร์สว่างส่วนใหญ่ ทำแล้วได้เงิน ทั้งความสนุก ทั้งเพื่อนพ้อง บางคนอาจมองว่าการเปิดศูนย์ความงามเป็นเรื่องธรรมดา แต่รายได้ที่มาถือว่าไม่ธรรมดา สามารถสร้างรายได้เป็นหลักแสนขึ้นไปได้ โดยการเปิดศูนย์กับจันทร์สว่าง จะมีรายได้มาจาก 3 ทาง คือ
1 จากค่าบริการภายในร้าน อาทิ ค่านวดหน้า ขัดหน้า พอกหน้า เป็นต้น
2 จากค่าคอมมิชชั่น จากการสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ผ่านศูนย์ รับส่วนลดสินค้า 25% จากราคาข้างกล่องบวก 34% หลัง และบวกโปรโมชั่นประจำเดือน
3 ค่าบริหารและขยายสายงานศูนย์ความงาม 6-10%
นอกจากนี้ ทางเจ้าของศูนย์ยังได้ค่าสวัสดิการต่างๆ ดังนี้ ค่ากองทุนท่องเที่ยว, กองทุนสวัสดิการผู้นำ ,ค่าพัฒนาเครือข่ายศูนย์ ,ส่วนแบ่งตลาดทั่วประเทศ (เมื่อบรรลุเป้าหมายการขายแต่ละปี)



แนวทางการทำธุรกิจศูนย์ความงามจันทร์สว่าง ให้ประสบความสำเร็จ สู่จุดมุ่งหมายปลายทางที่ต้องการ ดร.กัญชร ชี้แนะว่าต้องมี 2 องค์ประกอบ ควบคู่กันไป ได้แก่ บุคลากร และ ทำเล ธุรกิจจึงจะรุ่งเรือง
ถ้าร้านอยู่ในทำเลที่ดี แต่หากเจ้าของศูนย์ไม่มีความรู้ในการดูแลเอาใจใส่ และให้บริการลูกค้า ธุรกิจย่อมไปไม่รอด ในทางกลับกัน ถ้าเจ้าของศูนย์มีความรู้มีมนุษย์สัมพันธ์ทีดี แต่ตัวร้านตั้งอยู่ในทำเลที่ไม่เตะตา ธุรกิจสามารถอยู่ได้ แต่กำไรอาจจะไม่มากมายนัก
ทำเลที่ดีในการตั้งศูนย์ความงาม ควรอยู่บนถนนสายหลักที่มีรถยนต์วิ่ง ในที่ชุมชนที่มีผู้คนพลุกพล่าน ซึ่งทางบริษัทจะช่วยวิเคราะห์ทำเล และช่วยกำหนดรัศมี และมาตรฐานในการตั้งร้านให้ด้วย
ดร.กัญชร ตั้งเป้าขยายธุรกิจศูนย์ความงาม จันทร์สว่างเพิ่มอีกทั่วประเทศ พร้อมกับแตกไลน์ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ “ว้าว” (WOW) สำหรับผู้ที่ประสบปัญหาในเรื่องของสิว ปัจจุบันมีวางจำหน่ายภายในศูนย์ความงามจันทร์สว่าง และตามซูเปอร์มาร์เก็ตในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ


สนใจธุรกิจ สมุนไพรจันทร์สว่าง สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
บริษัท จันทร์สว่าง เฮิร์บเบิลไลน์ จำกัด 90/9 หมู่ 4 ถนนสวนสยาม แขวงคันนายาว เขตคันนายาว กทม 10230
หรือโทร. 0-2548-5800-8 หรือที่ www.Chansawang.co.th

5/14/2010

อาชีพ น่า สนใจ สเต็กจานด่วน




อาชีพ น่า สนใจ สเต็กจานด่วน

ทุกวันนี้อาหารจานด่วนพร้อมเสิร์ฟ เป็นที่นิยมเป็นอย่างมากมาย ในเมืองไทยจะเห็นได้ว่า ร้านสเต็กกำลังเกิดขึ้นอย่างมาก และได้รับการตอบรับจากคนไทยที่นิยมความสะดวกสบายรวดเร็ว
อาชีพที่น่าสนใจ การเปิดร้านสเต็ก จึงถือเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่น่าสนใจไม่ใช่น้อยเลย เพราะด้วยราคาที่ไม่แพงสามารถแข่งขันกัยร้านสเต็กหรูๆได้อย่างสบาย กลุ่มลูกค้าก้มีอย่างมากมาย
เปิดโอกาสให้ลูกค้าเข้าถึง การบริโภคได้ง่ายขึ้น ความน่าสนใจของการเปิดร้านสเต็กอยุ่ที่ไหน ? อยู่ตรงที่เป็นธุรกิจที่เริ่มต้นได้ง่ายๆไม่ยุ่งยากมาก
ไม่ต้องอาศัยทักษะสูง ตรวจสอบการขายได้ง่ายไม่เหมือนร้านอาหารประเภทอื่นๆ เพราะสามารถนับจำนวนชิ้นเนื้อได้ทันที นอกจากนี้กำไรยังมากกว่า 50% อีกด้วย อีกอย่างทุกวันนี้มีโมเดลธุรกิจ
ให้เลือกทำได้อย่างหลากหลายไม่จำเป็นต้องไปเริ่มเรียนรู้เองทั้งหมด อาชีพที่น่าสนใจ เกี่ยวกับร้านสเต็กนี้ จึงไม่น่ามองข้าม สำหรับผู้ที่สนใจอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง
ปัจจุบันนี้มีตัวแทนขายส่งวัตถุดิบดิบทำสเต็ก ที่คัดสรร ของดีมีคุณภาพ และวัตถุดิบดิบสำเร็จรูปง่ายต่อการจัดการ มีทั้ง เนื้อหมู เนื้อวัวขุน ปลาแซลมอน ที่หั่นสไลด์เป็นชิ้นมาให้เรียบร้อยแล้ว น้ำหนัก / ชิ้นประมาณ 100-130 กรัม ที่ปริมาณพอดีจาน
อีกทั้งยังมีน้ำราดสำเร้จรูปมาให้พร้อมไม่ต้องปรุงเอง

ข้อดีที่ให้ผู้ประกอบการ เปิดร้านสเต็กคือ สามารถจัดการเปิดตกแต่งร้านได้ตามที่ต้องการ และจัดสรรค์เมนยูตามแบบฉบับของตัวเองได้
โดยที่ต้นทุนไม่ได้มากมายนัก เมื่อเทียบกับการเปิดร้านสเต็กเมื่อก่อน ปัจจุบันนี้มีแฟรนไชส์ที่ให้บริการด้านวัตถุดิบสเต็ก เพียงแค่เราสั่งซื้อ วัตถุดิบที่มีคุณภาพ ในราคาที่กำหนด และซื้อในขั้นต่ำเท่านั้นเราก็สามารถเปิดร้านดำเนินกิจการได้เลยทันที
รูปแบบแฟรนไชส์ที่ช่วยให้เราสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว การเปิดน้ายสเต็ก จึงเป็นอาชีพที่น่าสนใจมากๆ อีกอาชีพหนึ่ง
ระบบต่างๆที่ทางเจ้าของแฟรนไชส์เซ็ตมาเรียบร้อยทั้ง การตกแต่งร้าน วัตถุดิบ อุปกรณ์ เพื่อให้ได้คุณภาพและมาตรฐานเดียวกัน ผู้ประกอบการเพียงเข้าไปอบรมจากบริษัทแม่เท่านั้น ทั้งการบริหารจัดการร้าน การปิ้ง ย่าง ให้สเต็กได้มาตรฐาน
ก็สามารถดำเนินธุรกิจได้เลย การลงทุนเปิดร้านสเต็กขนาดเล็กน่าจะปรมาณการคร่าวๆอยู่ที่ 40,000-50,000 บาท ไม่นับค่าตกแต่งร้าน ยิ่งถ้าเราเป้นเจ้าของทำเลยิ่งได้เปรียบ

ทำเลดีมีชัยไปกว่าครึ่ง
การเลือกทำเลที่ดี เป็นเรื่องสำคัญ การจะประกอบธุรกิจไม่ว่าใดๆ ทำเลถือว่ามีส่วนสำคัญมากๆลำดับต้นๆ ก่อนการเปิดร้านต้องเลือก วิเคราะห์ให้ดี
แหล่งที่มีคนพลุ่กพล่าน ใกล้ตลาดโต้รุ่ง แหล่งสถานศึกษา แหล่งบันเทิง ฯลฯ เป็นแหล่งที่ได้เปรียบ คนเยอะโอกาสขายได้มากก็จะตามไปด้วย การวิเคระห์เป้าหมายก้เป็นเรื่องที่สำคัยไม่แพ้กัน
การจัดการบริหารเรื่องต้นทุนค่าเช่าที่ไม่สูงมาก จะยิ่งเพิ่มผลกำไรให้เราได้มากตามไปด้วย หากคิดต้นทุนเหรียบเทียบว่า ในหนึงวันเราขายได้ สมมุต 5,000-10,000 บาท หักค่าเช่าที่/วันค่าวัตถุดิบและการบริหารจักการอื่นๆ
เราจะเหลือกำไรกี่มากน้อย หากทำเลเรา สามารถขายได้ อย่างน้อย 2-3 มื้อขึ้นไป จะยิ่งดีเช่น มื้อเช้า-เที่ยง-เย็น

น้ำราดที่อร่อยเป็นหัวใจสำคัญ
น้ำราดสเต็กเป็นอีกอย่างที่ต้องคำนึงถึงเพราะหากได้น้ำราดที่อร่อยกลมกล่อมถุกลิ้นคนกินรับรองลูกค้าบอกปากต่อไปอย่างแน่นอน สำหรับการเลือกใช้เนื้อสเต็ก ควรเลือกเนื้อให้ถุกส่วน การทำให้เนื้อนุ่มก้มีเทคนิคต่างๆมากมาย
การใชค้อนทุบ หรือสากทุบก้เป้นอีกเทคนิคง่ายๆที่ใช้กัน

การบริหารจัดการต้นทุนร้านสะเต็ก
เป็นเทคนิคของแต่ละร้านที่ต้องอาศัยความเข้าใจและประสบการณ์ ต้นทุนร้านเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ร้านอยู่รอดได้และคงความได้เปรียบ การจัดการเรื่องวัตถุดิบต่างๆในร้าน อาจจะใช้ สิ่งต่างๆทดแทนกันได้และกำหนดราคา
ที่แตกต่างกันได้ อย่างเช่น เนื้อปลาแซลมอน และเนื้อปลาสวาย ซึ่งรสชาติอาจจะใกล้เคียงกัน แต่ราคาต่างกันมาก เนื้อวัวส่วนต่างๆก็ตั้งราคาขายไว้แตกต่างกัน อยู่กัยต้นทุนวัตถุดิบ
ถึงแม้ว่าทุกวันนี้ ร้านสะเต็กจะมีการแข่งขันกันแต่ ตลาดยังคงเติบโตได้ตลอดเวลา การเปิดร้านสะเต็ก ยังคงเป็นอาชีพที่น่าสนใจ อยู่ดีอาจจะเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่กำลังมองหาอาชีพอยู่

4/10/2010

เรียนทำเบเกอรี่กับ Thaichefbakery



เรียนทำเบเกอรี่กับThaichefbakery
คงมีหลายๆคนที่ฝันอยากจะมีร้านเบเกอรี่เป็นของตัวเอง ได้ทำงานที่ตัวเองรัก เช้าตื่นขึ้นมาทำเบอเกอรี่ ขายหน้าร้านหรือส่งออเดอร์ตามที่ลูกค้าสั่ง ไม่ต้องทำงานรับใช้ใคร ไม่ต้องเร่งรีบ เพื่อรับใช้ระบบเพื่อรอกินเงินเดือน ตอนสิ้นเดือน ธุรกิจร้านเบเกอรี่หากตั้งใจทำ สามารถเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้สบาย
เพราะว่าเบเกอรี่นั้นสามารถทำกำไรให้ได้ถึง 2 เท่าตัวเลยทีเดียว ทำให้มีหลายคนที่สนใจ อยากจะทำธุรกิจร้านเบเกอรี่ แต่คนที่จะเปิดร้านเบเกอรี่ได้นั้นต้องมีความรู้เรื่องการทำเบเกอรี่ แล้วถ้าเราอยากเปิดร้านเบเกอรี่ล่ะ จะทำยังไง ก็ง่ายนิดเดียวไปเรียน ได้ที่Thaichefbakery ซึ่งเปิดการสอนโดย เชฟธวัชชัย ทองมณี ที่มีประสบการณ์ด้านการทำเบเกอรี่กว่า 19 ปี หลักสูตรการเรียนการสอนเป็นเบเกอรี่สไตล์ฝรั่งเศส รับประกันหลังเรียนจบสามารถเปิดร้านเบเกอรี่ได้ตามต้องการทันที โดยผู้ที่สนใจเรียนไม่ต้องมีความรู้เรื่องเบเกอรี่มาก่อน

โดยจุดเด่นของThaichefbakery คือการเรียนการสอนที่เข้มข้น โดยเชฟธวัชชัย ทองมณี เป็นผู้ถ่ายทอดความรู้เองกับมือ แบ่งเป้นภาคทฤษฎี ถ่ายทอดความรู้ที่ทุกอย่างเกี่ยวกับการทำเบเกอรี่ และภาคปฏิบัติ ดย1 หลักสูตรจะสอนเป้นกลุ่มเล็ก 6 คนเพื่อให้ได้เรียนกันแบบตัวต่อตัว โดยจะเรียนวันละ 5 ชั่วโมง ตั้งแต่วันพุธ-วันอาทิตย์ เวลา 10.00-15.00 น.
หลังการเรียนแล้วหากยังไม่เข้าใจตรงไหน สามารถกลับมาเรียนเพิ่มได้ภายใน 1 ปี ถ้ากลับ
ไปทำเองที่บ้านหรือร้านค้าแล้วมีปัญหา ก็สามารถโทรปรึกษาเชฟได้ตลอดเวลา บางครั้งเชฟก็เดินทางไปเยี่ยมลูกศีษย์ถึงร้านก็มี

โดยหลักสูตรของทางสถาบัน แบ่งเป็นคอร์สระยะสั้นและรขัยะยาว ดังนี้

หลักสูตร Basic ขนมเค้กฝรั่งเศส
เรียน 3 วัน ค่าเรียน 12,000 บาท ลอนทำเบเกอรี่ 12 ชนิด อาทิ ขนมปัง พาย เค้ก
มูลเค้ก ฯลฯ

หลักสูตร Advance สอนทำเบเกอรี่แบบ lnternationaI Bakery 10 ชนิด
ค่าเรียน 12,000 บาท รับเฉพาะผู้ทีเรียนผ่านระดับเบสิกจากทางสถาบันมาก่อน

หลักสูตรช็อกโกแลต เรียน 3 วัน
ค่าเรียน 12,000 บาท สอนทำช็อกโกแลต8 ชนิด ถือเป็นสถาบันแรกที่เปิดสอน เพื่อ
ให้ผู้เรียนรู้จัก ช็อกโกแลตโฮมเมด อย่างแท้ จริง

หลักสูตรเรียนทำเค้ก 3 ชนิด
ค่าเรียน 3,000 บาท เรียน 5 ชั่วโมง สามารถเลือกเรียนเค้กได้ 3 ชนิด

หลักสูตรเปิดร้านเบเกอรี่
เรียน 40ครั้ง ค่าเรียน 75,000 บาท สอนทำเมนูเบเกอรี่หลากหลายชนิด เช่น เค้ก ขนมปัง ช็อกโกแล็ต แซนด์วิช ไอศกรีมเครื่องดื่มต่างๆ

ค่าใช้จ่ายเมื่อเทียบกับการเรียนในต่างประเทศแล้วถือว่าถูกมากๆเมื่อเทียบกับความรู้ที่ได้เรียนกับเชฟที่มีประสบการณ์เชี่ยวชาญเรื่องเบเกอรี่ ทำให้คุณสามารถมีความรู้และเปิดร้านเบเกอรี่ของตัวเองได้ตามฝัน

สนใจอยากเรียนทำเบเกอรี่ ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Thaichefbakery (เชฟธวัชชัย ทองมณี) 98/221 ซ.แจ้งวัฒนะ10 แยก2-5 ต.ทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ 10210 โทร.089-8713083,081-7558757 หรือที่ www. Thaichefbakery.com

4/01/2010

เส้นจันทร์ผัดพริกมะขาม "บ้านทางเกวียน"


เส้นจันทร์ผัดพริกมะขาม "บ้านทางเกวียน"
อาชีพขายอาหารเส้น ทั้งก๋วยเตี๋ยว ผัดไทย ราดหน้า เป็นอาชีพที่น่าสนใจ เพราะเป็นอาหารที่ ซื้อง่าย ขายคล่อง ทำเป็นอาชีพเสริม หรืออาชีพหลัก ก็ดีให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า

เส้นจันทร์ หลายคนอาจจะยังไม่ค่อยคุ้นเคยเท่าไหร่ เส้นจันทร์ ก้คือ เส้นก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กที่ทำจากแป้งข้าวจ้าว 100 % เส้นจะมีความนุ่มเหนี่ยวกว่า เส้นก๋วยเตี๋ยวปกติ
เมื่อนำมาผัดรวมกับน้ำพริกมะขามทำให้ยิ่งได้รสชาติที่เข้มข้นและกลมกล่อมมากยิ่งขึ้น ทำให้เกิดเป็น แฟรนไชส์ เส้นจันทร์ผัดพริกมะขาม เจ้าตำหรับ บ้านทางเกวียนจังหวัดระยอง
สำหรับท่านที่กำลังมองหา ธุรกิจเสริม หรือ อาชีพเสริม ลองหันมาศึกษาธุรกิจ ตัวนี้ก็น่าสนใจไม่น้อย

ราคาแฟรนไชส์รถเข็นตอนนี้อยู่ที่ 39,000 บาท


สิ่งที่จะได้รับ

-รถเข็นแดงสุดสวย อุปกรณ์ พร้อมขายครบชุด
-น้ำพริกมะขาม และก๋วยเตี๋ยวเส้นจันท์ อย่างละ 1 กิโลกรัม
-สูตร ข้าวผัดปู
-รถเข็นผัดไทยแดงสดสวย
-หลังคาผ้าใบคลุมถึงคนขาย
-พื้นโต๊ะ สเตนเลส พร้อมปีกด้านข้างพับได้ 2 ด้าน
-มีกันสาดพับเก็บได้ ด้านหน้า และด้านข้าง 1 ด้าน
-เสา และกันตก รอบโต๊ะเป็นสเตนเลส มีช่องสำหรับวางเตาด้านใน
-ไฟนีออน 4 หลอด พร้อมสวิทซ์และปลั๊ก
-ป้ายโลโก้ เส้นจันท์ผัดไทย ข้าวผัดปู
-ป้ายส่งเสริมการขาย
-ป้าย รับโล่ห์เกียรติคุณประทาน ประเภทรางวัลก๋วยเตี๋ยวผัดไทยดีเด่น แห่งปี 2551 รับพระราชทานจาก ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี
-ป้าย เชลล์ชวนชิม
-ป้าย ก๋วยเตี๋ยวอนามัย จากกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข

พร้อมของแถม
-ก๋วยเตี๋ยวเส้นจันท์ 1 กิโลกรัม
-ซอสน้ำพริกมะขาม 1 กิโลกรัม
-ผ้ากันเปื้อน และหมวก 2 ชุด


ส่วนเงื่อนไขสัญญา คือ

ต้องซื้อเส้นจันทน์และน้ำพริกมะขามจากเรา ผู้ที่ซื้อแฟรนไชส์ของเราไม่ต้องห่วงว่าจะขายไม่ได้เพราะเราสั่งสมประสบการณ์มาช้านาน

ประสบการณ์ของเราจะเป็นตัวสร้างกำไรให้กับเจ้าของแฟรนไชส์ เรามีร้านต้นแบบอยู่บนถนนกาญจนาภิเษก สามารถเข้ามาเยี่ยมชมก่อนตัดสินใจซื้อ

นอกจากประสบการณ์จริงทีสั่งสมมายาวนานของบ้านทางเกวียน สิ่งหนึ่งที่สามารถการันตีถึงความสำเร็จของที่นี่คือการรับความสนใจจากสื่อทุกแขนง

รวมไปถึงการได้เครื่องหมายเชลล์ชวนชิมที่ทำให้ผู้ซื้อแฟรนไชส์มั่นใจได้ว่าเงินที่ลงทุนไปจะไม่สูญเปล่าอย่างแน่นอน แม้จะเป็นแฟรนไชส์น้องใหม่
แต่ในเรื่องของรสชาติและโอกาสทางการตลาดนั้นไม่แพ้ใคร แม้จะมีผัดไทยตั้งขายอยู่ก่อนแล้ว เราก็ประกันใด้

แบรนด์องเราได้รับการยอมรับมานานจนกลที่จะขยายเป็นแฟรนไชส์ ที่เหลือก็เป็นเรื่องของเจ้าของที่ต้องมองหาทำเลยิ่งหาที่คมนาคมสัฌตวกยิ่งได้เปรียบ...
นอกจากนี้ต้องใส่ใจกับมันจริงๆ ใครที่อยากรู้ว่า เส้นจันทน์
ผัดพริกมะขามของบ้านทางเกวียน รสชาติจะะเด็ดมากแค่ไหนหากมีโอกาสผ่านไปย่านถนนกาญจนาบางบอน ก็ลองหยุดแวะมาชิมได้

ร้านตั้งอยู่ติดกับประกันลังคม พื้นที่ 7 เปิดให้บริการ จันทร์-วันเสาร์ เวลา 10.30-20.00 น. แต่ถ้าไปไม่ถูก หาซื้อเส้นจันทน์กับพริกมะขามได้ที่ตลาดบองมาเช่ ร้านขนมไทยใจรัก...

หรือหากท่านใดสนใจอยากเป็นเจ้าของแฟรนไชส์สอบถามรายละเอียดเพิ่มเดิมได้ที
คุณพศวัต ไชยาพรพรรณ
ที่อยู่ 93/10 ชัยกูล ซ.15 ถ.พระราม 2 จอมทอง จอมทอง กทม. 10150 โทร. 081-4208699