เชิญลงโฆษณาฟรี

สำหรับท่านที่ดำเนินธุรกิจอยู่แล้วขอเชิญลงโฆษณาฟรี
รายละเอียดดังนี้
ลงโฆษณาฟรี

10/15/2011

แฉ ธุรกิจยอดฮิต หารายได้พิเศษทางอินเตอร์เน็ต งาน part time

เราคงเคยได้ยินคำเหล่านี้ หารายได้พิเศษ หารายได้เสริม หางานพิเศษ หารายได้ระหว่างเรียน หารายได้ทางอินเตอร์เน็ต .....และหลายๆคำอีกมากมาย ล้วนแต่เป็นคำล่อลวง ชวนเชื่อให้เราหลงเข้าไปติดบ่วง ของเหล่านักต้มตุ๋นใส่เสื้อสูททั้งหลาย บางที งานพิเศษที่เขานำมาโฆษณา ว่าหาเงินง่าย รวยเร็ว บางทีบอกว่าเด็กอายุ 17 หาเงินได้เดือนล่ะเป็นแสน เหล่านี้ล้วนเป็นเหยื่อล่อให้คนที่ หวังรวยทางลัด สนใจ และเข้าไปติดกับดักทั้งนั้น
วันนี้มีข้อสังเกตเกี่ยวกับ เรื่องลอกลวง เหล่านี้มาฝากกัน จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อ และระวังตัวกันเอาไว้ ลักษณะของโฆษณาเหล่านี้ได้แก่
**********
ส่งเมลล์รายได้ 10,000-50,000 บาทต่อเดือน อายุ 17ปีขึ้นไป (ไม่จำกัดวุฒิ)

ใช้ Internet และ คอมพิวเตอร์พื้นฐานได้

แบบฟอร์มสมัครงาน คลิก!!!!!
--------------------------------
หรือ ทำงาน part time วันล่ะ 2-3 ชั่วโมง/วัน รายได้ 500-1,000 บาท พอเราส่งข้อมูลไปก็จะนัดให้ไปพบต่างสถานที่ต่างๆ เช่น โรงแรม รีสอร์ท ห้องประชุม เพื่อให้ไปฟังรายละเอียดของงาน คราวนี้ล่ะคุณเสร็จแน่ๆ
บรรยากาศก็จะเป็นแบบ ห้องประชุมหรือสัมมนา ที่มีคงฟังจำนวนมาก ส่วนใหญ่ล้วนถูกหลอกมาทั้งนั้น และต้องจ่ายเงินค่าเข้าฟังโอกาสทางธุรกิจเป็นจำนวนหลักร้อย
ซักพักก็จะมีคนที่แต่งตัวน่าเชื่อถือ ขึ้นมาบอกว่า เริ่มงานกับ...... มากี่ปี สิ้นเดือนที่แล้ว จ่ายให้ เป็นจำนวนเงินเท่านั้น เท่านี้ (ส่วนใหญ่หลายหลัก) หรือ เป็นงานง่ายๆดูสิ แม้แต่คน หูหนวก ตาบอด ไม่มีแขนไม่มีขา ยังทำได้ และฟังดูเหมือนได้มาง่ายๆ พูดจบก็จะมีเสียงกรี๊ด จากเหล่าหน้าม้า และเสียงปรบมือประกอบอย่างคึกคัก ทำให้บรรยากาศ น่าฟัง นอกจากนี้ก็จะมี เหล่า ระดับต้นสายที่บอกว่าตัวเองมีรายได้ มากมายและขับรถราคาแพงๆ มี Motivate เราเพื่อให้คล้อยตาม หากเราคล้อยตามก็จะถูกจับกรอกใบสมัคร ซึ่งรายละเอียดปลีกย่อยมากมาย สุดท้ายเราต้องเสียเงินหลักหมื่นเพื่อ ซื้อสินค้าผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสุขภาพกำลังมาแรงอย่างนั้นอย่างนี้ ... และเพื่อให้เราได้เป็นระดับหัวๆ จะมีเงินค่าตอบแทนหัวคิว กินกันเป็นทอดๆ ไป สินค้าสุขภาพที่ซื้อมานี้ ไม่รับคืน เราต้องหาทางระบายออกเอง กินเอง หรือ หาทางขายต่อให้ดาวไลน์ต่อไป ให้คนอื่นแบกภาระแทนต่อไป

9/15/2011

ร้านขายมือถือของคนรัก apple blackberry

วันนี้มีข่าวดีมาฝากประชาสัมพัธ์สำหรับคนรัก apple blackberry เป็นร้านขายมือถือในเวบ ไม่มีหน้าร้าน ชื่อร้าน CallMe เน้นขายเฉพาะ iPhone iPad blackberry

 iPhone iPad blackberry

 iPhone iPad blackberry

 iPhone iPad blackberry


ร้านขายมือถือเล็กๆ สำหรับคนรัก apple blackberry เป็นร้านมือถือเล็กๆที่มีใจรัก apple blackberry อาจจะไม่ได้เป็นร้านในฝันของหลายๆคนแต่ร้านนี้เกิดขึ้นมาเพราะความชอบส่วนตัวเกี่ยวกับ iphone ipad blackberryจึงสร้างร้านเล็กๆนี้มาบริการคุณผู้มีใจรักในสิ่งเดียวกัน
ติดต่อสอบถามได้ที่ callmeshop@hotmail.co.th CallMe at 0851100018


หรือสนใจเข้าไปชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
www.callmeifuneed.blogspot.com
www.facebook.com/CallMeifu
www.twitter.com/iCallmi

โทร 0900055101

9/12/2011

ทำธุรกิจโรงเพาะเห็ด

ช่วงเศรษกิจในยุคสมัยนี้ ข้าวของอะไรก็แพงแสนแพง ใครที่อยู่ได้โยอาศัยแค่รายได้จากเงินเดือนเพียงอย่างเดียวก้ถือว่าเก่ง แต่หากจะคิดถึงขั้นมีเงินเหลือเก็บต้องมองเข้าไปถึงว่ามีรายได้จากแหล่งอื่นเข้ามาเสริมบ้างหรือไม่ อาชีพเพาะเห็ดขายนั้นน่าสนใจเพราะว่า ใช้เวลาระยะสั่นๆเก้บขายได้ทุกๆวันจัดการไม่ยาก วางแผนได้เอง ที่สำคัญใช้เงินลงทุนไม่มากมายเลย แต่สามารถมีรายได้ได้ทุกๆวัน ยกตัวอย่างเช่น คุณพฤทธิพงศ์ ไซยเวช เจ้าขอพงฬาร์มองครักษ์ ภายใต้แบรนด์ GREEN HUT#


ทำธุรกิจโรงเพาะเห็ด

เล่าโห้ฟังว่า “สมัยที่ยังเรียนวิทยาลัยฒกษตรศาสตร์ผมเองได้รับตำแหน่งเป็นชมรมเห็ดของมหาวิฑยาลัย ปี 2529 2531 แต่พอเรียนจบ
มาทำธุรกิจเกี่ยวกับรับเหมาก่อสร้าง ตอนนั้นถือว่าประสบความสำเร็จพอสมควร แต่พอปี 2541 ก็เกิดวิกฤษ
ธุรกิจเหมาก่อสร้างบเซาอย่างหนัก ผมไม่รู้จะทำอย่างไรดีหาธุรกิจอื่นทำ จะเอาเงินจากไหนมาลงทุน จึงได้นำวัสดุสร้างทีเหลืออยู่มาแปลเป็นเงิน โดยนำวัสดุต่างมาสร้างเป็นอาคารขึ้นมา และได้แปลงสินทรัพย์เป็นทุน
มาก้อนหนึ่งบวกกับเงินทุนที่คุณแม่ให้มาอีกจำนวนหนึ่ง แล้วก็เริ่มคิดว่าจะทำธุรกิจอะไรดี จึงได้มองสิ่งที่ควรจะเป็นไปได้ คิดจากประสบการณ์ด้นการเพาะเห็ดมาก่อนสมัยที่เรียนซึ่งตอนนั้นมองว่าการพัฒนาต่อยอดสายพันธุ์เห็ดยังไม่พัฒนาเลย หากเราพัฒนาหลายพันธุ์เห็ดใหม่ๆ ขึ้นมาจากที่มีอยู่น่าจะไปได้แน่นอน


“ตอนนั้นผมเริ่มต้นด้วยเงินลงทุนประมาณ 8,ooo บาท เพาะเห็ดที่บ้านจำหน่าย และต่อมาได้ขยายพื้นทีการเพาะเห็ดโดยได้ใช้พื้นที่ของเพื่อนบ้านในการก่อสร้างโรงเรือนเพื่อใข้เป็นโรงบ่มก้อนเห็ดจำหน่าย ภายหลังจึงได้ปรับเปลี่นมาทำโรงเปิดดอกจำหน่ายในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรีและจังหวัดใกล้เคียง เมื่อปี2545 เกิดปัญหาของเห็ดล้นตลาด ผมจึงได้แก้ปัญหาโยการปรับปรุงสายพันธ์เห็ด ด้วยการฑำสายพันธุ์เห็ดนางฟ้าดอกเล็กหรือ”ภูฐานดอกอ่อน” ออกสู่ตลาด ซึ่งสายพันธุ์ดังกล่าวไม่เหมือนกับสายพันธุ์ที่จำหน่ายในตลาดทั่วไป และได้ลองเจาะตลาดโนกรุงเทพฯ ด้วยการทำเห็ดนางฟ้าดอกอ่อนแพ็คขายแต่ข่วงแรกก็ยังไม่เป็นที่ยอมรับ จึงได้ลองเข้าตลาดสี่มุมเมืองกลับเป็นที่สนใจของพ่อค้าแม่ค้าและกลายเป็นที่รู้จักตั้งแต่นั้นมา

สำหรับจุดเด่นของเห็ดนางฟ้าดอกอ่อนหรือที่ทุกคนรู้จักในนาม”ภูฐานดอกอ่อน” จะต่างจากเห็ดนางฟ้าทั่วๆไปคือ
1.เห็ดภูฐานดอกอ่อนจะมีโครงสร้างดอกที่หนากว่าเห็ดนางฟ้าทั่วไป เมื่อนำมาประกอบอาหารจะสามารถคงสภาพได้ดี เก็บรักษาได้นาน (1 อาทิตย์) ะ
2. รสชาติดี ไม่มีกลิ่นหืนหรือกลิ่นของเห็ด

ตอนที่นำเห็ดเข้าตลาดในเมืองหลวงจำหน่ายให้กับพอค้าแม่ค้าครั้งแรกใช้แบรนด์ เห็ดตราเพชร สร้างชื่อเสียงในตลาดสี่มุมเมืองจนกลายเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายไม่เพียงแค่นั้นเห็ดภูฐาดอกอ่อนยังตีตลาได้ได้อย่างต้อเนื่อง การรุกตลาดในหางสรรพสินค้าชั้นนำึ ภายใต้แบรนด์ GREEN HuT กลายเป็นที่
กล่าวขานและให้ความสนใจ ไม่เว้นแม้แต้ห้างสรรพสินค้าชั้นนำอาทิ สยามพารากอน เอ็มโพเรียม เดอะมอลล์ ฟู๊ดแลนด์ หรือแม้แต่ MK”


ล่าสุด GREEN HUT' หรือ เห็ดตราเพซร ยังรุกตลาดไปยังกลุ่มผู้บริโภคในครัวเรือน ด้วยการส่งฟาร์มเห็ดดิลิเวอรีเวอรี่สำหรับเพาะกินของในครอบครัว ซึ่งถือว่าเป็นอีกกลุ่มตลาดทีน่ากินใจเป็นอย่างมาก โดยที่ทาง GREEN HuT' จำหน่ายเชื้อเห็ดให้ก้อนละประมาณ10 กว่าบาท ซึ่งเห็ดที่เป็นก้อนไปเพาะที่บ้านนั้นไม่ต้องอาศัยการดูแลที่ยุ่งยากอย่างไร เพียงดึงทีครอบปากถุงออก -จากนั้นก็เพียงใช้ปลายช้อนเขย่าฟางข้างในปากถุงออกเล็กน้อย จัดเก็บไว้ในบริแวณที่มีความชี้น แต่ไม่ต้องรดน้ำ ใช้เวลาประมาณ 10 วัน เห็ดก็จะเริ่มงอกโผล่ออกมาให้เห็นและสามารถเก็บรับประทานไfh โดยทุกกอ้นเห็ดนั้นสามารถงอกให้เก็บ กินได้นานถึง 4 เดือน ถือว่าค้มุค่ากับเงินที่ชึ้อไป
เห็นหรือยังครับว่า การเพาะเห็ดนั้นง่ายดายและสามารถยึดเป็นธุรกิจสร้างเงิน-สร้างงานให้เราได้อย่างสบายๆ

สำหรับท่านใดที่สนใจต้องการเป็นตัวแทนจำหน่าย หรือต้องการผลิตภัณฑ์เห็ดคุณภาพดีไปรับประทาน หรือต้องการก้อนเห็ดไว้ใปเพาะกินเองบ้าน

สามารถติดต่อโดยตรงได้ที่ฟาร์มองครกษ์เพาะเห็ด เลขที่ 90/2 หมู่ 1 ต.องครักษ์ อ.บางปลาม้า
จ.สุพรรณบรี 721ฑ ไทย1 08-6351 5554, 0-3542-24ั03 รสาร 0-w4517056 หพรือทื พ๗.S˜anhed.COm ญ

8/22/2011

เลี้ยงไส้เดือนเป็นอาชีพ

ไส้เดือนสัตว์ที่เรามองข้ามมานาน ปัจจุบันนี้มีหลายๆคนเปิดฟาร์มไส้เดือนเป็นอาชีพกันแล้ว รายได้ดีเชียวล่ะ ผลิตภัณฆ์จากไส้เดือนมีมากมายหลายอย่าง เช่น มูลไส้เดือนใช้ทำปุ๋ยใส่ต้นไม้ น้ำหมักมูลไส้เดือน,และตัวไส้เดือนก้มีโปรตีนสูงมาก วันนี้เรามารู้จักกับตัวอย่างของการเลี้ยงไส้เดือนเพื่อเป็นอาชีพกัน


เลี้ยงไส้เดือนเป็นอาชีพ

ปัจจุบันตลาดปุ๋ยมูลไส้เดือนเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นจากสื่อต่างๆ หรือกลุ่มผู้ที่ทำปุ๋ยอินทรีย์ ก็จะทราบดีว่า ปุ๋ยมุลไส้เดือนเป็นปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพชั้นดี ช่วยปรับสภาพดิน คืนอินทรีย์วัตถุให้ดิน ทำให้ดินร่วนชุย เหมาะแก่การเพาะปลูก ปุ๋ยมูลใส้เดือนเป็นป็ยทีมีคุณภาพสูง โดยเฉพาะโนต่างประเทศ ปุ๋ยมูลไว้เดือนมีขือ่เฟัยงค่อนข้างมาก จึงทำให้ปัจจุบันมีผู้ผลิตปุ๋ยมูลไส้เดือนออกสู่ตลาดเพิ่มมากยิงขึ้น และตลาดก็กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วนอกจากนีไส้เดือนทีเลี้ยงยังสามารถใช้เป็นแหล่งอาหารโปรตีนสูงให้แก่สัตว์ต่างๆ เช่น ปลา กบ ไก่ เป็ด ฯลฯ หรือการนำไปแปรรูปเป็นไส้เดือนอบแห้ง เป็นส่วนผสมของอาหารสัตว์แบบต่างๆก็ได้เช่นกัน สามารถนำไปใช้ทำยาหรือแม้แต่ใช้ทำเครื่องสำอางได้อีกด้วยการทำฟาร์มไส้เดือนเพื่อผลิตปุ๋ย เป็นแนวทางในการผลิตปุ๋ยทีมีคุณภาพสูง และใช้เวลาสั้นกว่าการทำปุ๋ยหมักวิธีอื่น แถมยังช่วยจัดการสิ่งแวดล้อม และช่วยลดภาวะโลกร้อนได้อีกด้วย

ขยะทุกชนิดที่เราสร้างขึ้นในแต่ล่ะวันนนั้น ก่อมลภาวะมากมาย ทำให้โลกร้อนขึ้น การหาวิธีการกำจัดอย่างไร เป้นเรื่องที่คิดกันมานาน ในทีสุดได้คำแนะจากทางมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แม่โจ้ ว่ามีวิธีการเลี้ยงไส้เดือน เพื่อกำจัดขยะได้

ขั้นตอนแรกของการเลี้ยงไส้เดือน เราก็ต้องจับเบสก่อน คือเตรียมที่อยู่ของไสัเดือนให้พร้อม ซึ่งก็คือ ขี้วัวกับดินเป็นตัวหลัก นำมาคลุกเคล้าให้เปียกแล้วทิ้งไว้ประมาณ 1 อาทิตย์ จากนั้นวัดอุณหภูมิหนึ่งอีก 1 ครั้ง อุณหภูมิต่ำกว่า 30 องศา เราก็จะเทลงในบ่อ แล้วก็เอาพ่อพันธุ์-แม่พันธุ์ไส้เดือนใส่ลงในบ่อ โดยจะใช้เวลาเลี้ยงประมาณ 3 เดือน ให้อาหารจำพวกเศษผักและเศษอาหาร โดยไม่ต้องเสียเวลาไปกำจัดเศษผักและเศษอาหารเหล่านี้ ไส้เดือนจะมากินอาหารที่เราให้ ช่วยการย่อยสลายดูดกินเศษขยะเหล่านี้พร้อมกับการถ่ายไปปัสสาวะไป ซึ่งคุณสมบัติของปัสสาวะไส้เดือนจะช่วยดับกลิ่นได้อีกด้วย ภายใน 3 เดือนขยะที่ไส้เดือนช่วยย่อยแล้วจะหมดทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอาหารที่เราให้ทรือเบส คือ ดินและขี้วัว ไส้เดือนก็จะกินหมดภายใน 3 เดือน ที่เหลืออยู่ก็จะเป็นปุ๋ทั้งหมด จากนั้นเราก็จะนำมาแยกตัวไส้เดือนออกจากปุ๋ย โดยนำมาร่อนแยกออกมาเป็นพ่อพันธุ์-แม่พันธุ์ส่วนทีเหลือก็จะเป็นมูลทั้งหมด

บ่อสำหรับที่ใช้เลี้ยงไส้เดือนพ่อพันธุ์-แม่พันธุ์นั้น เราจะต้องทำเป็นบ่อสโลฟ มีท่อน้ำต่อไปที่บ่อเก็บน้ำหมัก ซึ่งมีธาตุอาหารครบถ้วนเหมือนกับมูลไส้เดือน เราสามารถทำน้ำหมักมูลไส้เดือนให้เข้มข้นจนเป็นน้ำจุลินทรีย์ ซึ่งมีคุณสมบัติกำจัดกลิ่น และบัดน้ำเสียได้ เหมาะสำหรับใช้ตามครัวเรือน และโรงงานต่างๆ ซึ่งช่วยในเรื่องของสิ่งแวดล้อมได้อย่างดี

ไส้เดือนที่นิยมเลี้ยงมีอยู่ 2 ชนิด
1.สายพันธุ์ไทย คือ ขี้ตาแร่
2.สายพันธุ์ต่างประเทศ คือ แอฟริกัน ไทเกอร์ บูลวอน

การเลี้ยงไส้เดือนไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่าย คือ ต้องดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ เช่น เรื่องการให้อาหารจะให้แบบโรยหน้า หรือแบบฝังกลบก็ได้ แต่เราต้องรู้วิธี ให้อาหารถ้าอาหารที่ให้ เน่าและเป็นน้ำมันเราก็ต้องรินส่วนที่เป็นน้ำออกก่อน แล้วก็นำไปล้างเพื่อให้คราบหรือเกล็ดน้ำมันออกไปก่อน เพราะถ้าน้ำมันลงไปในบ่อแล้ว มันจะไปเคลือบตัวไส้เดือน ทำให้เข้าหายใจไม่ได้ เพราะไส้เดือนจะหายใจทางผิวหนัง จะทำให้ไส้เดือนตายได้ อีกอย่างผลไม้ทีมีความเป็นกรด เช่น สับปะรด มะละกอสุก หรือว่าผักที่เน่ามากๆ เราก็ต้องมีวิธีการให้ เพราะไม่เช่นนั้น อาหารพวกนี้จะทำให้ไส้เดือนตัวเปื่อยและตายได้ในที่สุด

การขยายพันธุ์ของไส้เดือน
ไส้เดือนเป็นสัตว์ที่มีสองเพศอยู่ในตัวเดียวกัน อยู่ระหว่างลำตัวไม่สามารถผสมพันธุ์กับตัวเองได้ ต้องเอาลำตัวมาแลกเปลี่ยนกัน โดยเอาลำตัวมาแตะกัน ไส้เดือนพอผสมพันธุ์แล้ว ประมาณ 7 วัน ก็จะออกไข่ทั้ง 2 ตัวในถุงไข่นั้นก็จะมีไข่หลายฟอง และคนไข้แต่ละฟองก็จะมีลูกไส้เดือน ตั้งแต่ 2-20 ตัว แล้วแต่ความสมบูรณ์ของการเลี้ยง ถ้าเลียงดูแลดีมากๆ ได้ลูกไส้เดือนเยอะๆ

ปัจจุบันเรามีสมาคมผู้เลี้ยงไส้เดือน จะมาแลกเปลียนพูดคุยเรื่องต่างๆกัน เครือข่ายบางคนก็เพาะพันธุ์เดือนขายบางคนก็จะทำเฉพาะปุ๋ยขาย

** บริษัท เจเนอรัลฟาร์ม ซัพพลายส์ จำกัด มีมูลไส้เดือน 100% น้ำหมักมูลไส้เดือน 100% น้ำจุลินทรีย์เข้มข้นปัจจุบันมีทั้งหมด 3 ตัว มีจำหน่ายทีร้านต้นไม้สวนจตุจักร ตามร้านค้าที่ขายต้นไม้เเละอุปกรณ์ปลูกต้นไม้ทั่วไป


สนใจเป็นตัวแทนจำหนาย สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท เจเนอรัลฟารม ชัพพลายส์ จำกัด 669/46 ถ.วงศ์สว่าง ซอย 29 แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ 10800 โทร 08-9191-7534, 08-1386-7534


8/08/2011

ลงทุนขายส่งเสื้อผ้ามือสองกับ BUC

หลายคนคงกำลังสนใจอยากจะลองทำธุรกิจขายส่งเสื้อผ้ามือสอง วันนี้มีข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจเสื้อผ้ามือสองจากญี่ปุ่นซึ่งเป็นเทรนด์ที่คนไทยชอบกันมานาน BUC เป็นศูนย์ค้าส่งจากญี่ปุ่น ที่มีคุณภาพและนำแฟชั่นกระแสนิยม มีตัวแทนจำหน่ายมากมายในประเทศไทยที่ได้ให้ความไว้วางใจ รับสินค้าไปขายและได้ผลตอบแทนดี เช่น

คุณออม จมรพรรณ พันธทอง เจ้าของร้านบ้านปู่กับย่า ตัวแทนจำหน่ายเสื้อผ้า BUC กล่าวถึงความเป็น มาในการตัดสินใจทำธุรกิจจำหน่ายเสื้อ ผ้ามือสองของBuc เล่าให้ฟังว่า “โดยส่วนตัวเป็นคนนิยมใช้เสื้อผ้ามือสองมานานแล้ว จนกระทั่งมีลูก เราก็อยากให้ลูกเราใส่เสื้อ ผ้าน่ารักและไมเหมือนใคร ประกอบกับเสื้อผ้ามือสองของเด็กโดยเฉพาะของข้อดีของสินค้าเสื้อผ้ามือสองจากญี่ปุ่นคือ เนื้อผ้าที่ดีไม่ย้วยง่าย ใส่แล้วไม่ระคายเคืองผิวของเด็ก แบบและการดัดเย็บละเอียด เป็นต้น ก็เลยเลือกซื้อเสึ้อเด็กมือสองของญี่ปุ่นมาใช้ เวลาพาลูกไปไหนมาไหนใครเห็นก็มักจะถามว่าไปซื้อจากที่ไหน ลูกสาวใส่แล้วน่ารักมากเลย ก็เลยเป็นที่มาของการชื้อมาขาย แรกเริ่มก็รับสินค้ามาจากหลายที่ ค้นหาอยู่หลายแหล่จนมาเจอกับ BUC และจำหน่ายสินค้าของบัคมาจนถึง ทุกวันนี้ ”

เสื้อผ้ามือสองBUC

ภาพจาก price.webtarad.com/data/5/0003-1.html

ปัจจัยหลักที่ทำให้เธอสมัครเป็นตัวแทนจำหน่ายบัค (BUC) นั่นก็เพราะว่า
“บัคเป็นบริษัทนำเข้าเสื้อผ้ามือสองจากญี่ปุ่นโดยตรง ลูกค้ามั่นใจได้ว่าจะได้สินค้าคุณภาพที่มาจากญี่ปุ่นจริงๆ ตอนแรกคิดว่าสินค้าญี่ปุ่นจะมีราคาแพง แต่พอได้ศึกษารายละเอียดแล้ว ก็ทราบว่าราคาไม่แพงอย่างที่ดิด ลูกค้าที่ชื้อสินค้าไปใช้จึงรู้สึกว่าคุ้มทุกครั้งที่จ่ายเงิน
-ข้อต่อมาก็คือ คุณสมบัติของตัวแทนบัคเป็นคนที่มีคุณธรรม ข้อนี้ส่อให้เห็นถึงนโยบายส่วนหนึ่งของบริษัทที่ตรงใจตัวเองมาก เพราะตัวเองคิดว่าทุกธุรกิจผลกำไรควรมาควบคู่กับคุณธรรม ชื่อเป็นสิ่งที่สำคัญที่จะทำให้ธุรกิจยืนยาว ข้อสุดท้ายก็คงเป็นความประทับใจต่อผู้บริหารที่มีความจริงโจให้กับตัวแทนและกับลูกค้าทุกคนด้วยเช่นกัน ”

นอกจากนี้ BUC ยังมีการให้ความรู้ด้านการตลาด การค้าขายหลายอย่างไรให้ให้กำไรและได้ใจลูกค้า ชึ่งบางอย่างเราเองก็ไม่เคยรู้มาก่อน พยได้เข้ามาศึกษาและทำธุรกิจนี้จึงทำให้ความคิดเรากว้างขึ้น เรียกได้ว่า BUC เป็นครูชั้นดีที่สอนในเรื่องการค้าขาย ช่วยบอกช่วยแนะนำเรื่องต่างๆ นอกจากนี้ยัจใส่ใจดูแลในเรื่องอื่นๆ เหมือนเป็นที่รักษาให้เราได้ทุกเมื่อ

ยืนยันถึงความสำเร็จในการประกอบธุรกิจเสื้อผ้ามือสองจาก เป็นสินค้าขายดี ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง

มาทำความรู้จักกับ บริษัท Best Used clothes CO.,Ltd (BUC)
1. BUC เป็นบริษัทที่มีตัวตนอยู่จริงและเป็นบริษัทที่มันคง
2. BUC เป็นบริษัทที่มีสต็อกสินค้ามากเพียงพอ ต่อความต้องการของลูกค้า
3. BUC เป็นบริษัททีไม่เอาเปรียบตัวแทนจำหน่ายและให้ผลตอบแทนอย่างเป็นธรรม
4. BUC เป็นบริษัทที่ขายสินค้าคุณภาพ

นอกจากนี้ยังมีเหตุผลที่ทำให้ BUC เป็นที่นิยม
1.เสื้อผ้ามือสองของ BUC เป็นสื้อผ้าแฟชั่น ที่ยังทันสมัยไม่ตกยุค เสื้อแฟชั่นบางแบบยังไม่มีขายในเมืองไทย ผู้ขายสามารถนำเสนอลูกค้าได้ดีอีกด้วย
2.เสื้อผ้ามือสองของ BUC ต้นทุนต่อตัวถูก สามารถนำไปทำกำไรได้มากกว่า 4-5 เท่าของราคาต้นทุน
3.เสื้อผ้ามือศองของ BUC เปิดกระสอบออกมาแล้ว ไม่ต้องนำมาซักก่อนสามารถนำมารีดแล้วแขวนขายได้ทันที ทำให้ประหยัด ทั้งแรงงานและค่าใช้จ่ายในการ ชัก อบแห้ง
4.เสื้อผ้ามือสองของ BUCมีแบรนด์ดังๆผสมอญูค่อนข้างมากสามารถนำไปจับราคาขายได้สูง และที่สำคัญมีความมั่นใจว่าสินค้าทกกระสอบณพ็คมาจากที่ปนจริโๆ ไม่ได้นำมาคัดแยกในเมืองไทยกไอนส่งหรือขายให้กับลูกค้า
5.BUC ดูแลลูกค้า ให้ความสำคัญกับลูกค้า ทั้งในแทนจาหนาย บ้านให้คำปรึกษาในเรื่ฦงขอโเทคนคการขาย
เขาบางปและมีดวามเป็นกันเฎงดอนนี้คณรัตนมีร้านอยู่ที่โลดัส บางปู รองรับลูกค้าทั้งสงแล๔ลีก เป้าหมายถัดไปคือต้อโกา์โส์โ้า{ฐานลูกค้าใ์ ด้เพิ่มขึ้นโดยแบ่งเป็นกลุ่มแบบชื้อยกกระสอบและกลุ่มลูกค้ารายย่อยสำหรับเปิดกระสอบคัดผ้า ทั้งนี้เพื่อจะได้กระจายสินค้าให้คนได้รู้จัก


หากสนใจอยากจะมีร้านขาย เสื้อผ้ามือสองนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นที่ได้คุณภาพอย่างดีขายง่าย ติดต่อโดยตรงได้ที่ บริษัท เบซ ยูส โคลส (ปรเทศไทย) จำกัด ที่อยู่ 19/35หมู่ที่4 ต.คอกกระบือ อ.เมืองสมุทรสาครจ.สมุทรสาคร โทร. 034-494-282, 051-611-4704,086-32า-6954 โทรสาร 034-494-111 กด 49 หรือที่นเว็บไซต์ www.bucthailand.com


7/21/2011

การตกแต่งร้านแบบต่างๆ

การตกแต่งร้านนั้น เป็นองค์ประกอบสำคัญหนึ่งอย่าง ที่ผู้ประกอบการไม่ควรมองข้าม และละเลย เพราะการแต่งร้านที่ดีและเหมาะสมนั้น มีส่วนช่วยกระตุ้นยอดขายได้อย่างดีที่เดียว

ขอยกตัวอย่างธุรกิจ 5 ประเภท มาให้ได้ลองศึกษาดู ส่วนใครจะตกแต่งร้านของตนให้เป็นสไตล์ไหนนั้น ก็ขอให้พิจารณาตามความเหมาะสมของทำเล กลุ่มเป้าหมาย และงบประมาณในกระเป๋าของแต่ล่ะท่าน

การตกแต่งหน้าร้าน
ภาพจากkhum.net/board-shopping/t53822

1.ร้านขายเสื้อผ้า
คอลเลคชั่นเสื้อผ้าในแต่ละฤดูกาลย่อมเปลี่ยนแปลงไปอยู่เสมอ ดังนั้นการดึงเอาซีซั่นต่างๆ ทั้ง Spring Summer Fall และ Winter มาใช้ให้เกิดประโยชน์จึงเป็นเรื่องที่สมควรทำอย่างมาก อีกประการคือ การแต่งร้านตามเทศกาล เช่น คริสต์มาส ปีใหม่ วาเลนไทน์ สงกรานต์ ฮัลโลวีน ฯลฯ ก็เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่พลาดไม่ได้เช่นเดียวกัน ซึ่งการจัดดิสเพลย์หน้าร้านต้องเน้นความมีชีวิตชีวา เน้นการใช้แสงไฟเพื่อช่วยให้สินค้ามีสีสัน และบ่งบอกให้ลูกค้ารู้ว่าเรากำลังนำเสนอสินค้ารู้ว่าเรากำลังนำเสนอสินค้าในคอนเซ็ปต์ใด จะช่วยดึงดูดสายตาจากผู้ที่เดินผ่านไปผ่านมาได้ดี แต่ต้องระวังอย่าให้การตกแต่งร้านแรงหรือเลอะเกินไป จนทำให้ทำลายความโดดเด่นของสินค้าไปได้

การเลือกใช้ Prop ต่างๆ มาตกแต่งในร้านก็เป็นเรื่องสำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็น ป้ายไฟ รูปภาพ โมบาย ฯลฯ ต้องสือให้เห็นไลฟ์สไตล์ของแบรนด์ โดยผู้ประกอบการต้องคำนึงอยู่เสมอว่าไม่ใช่แค่ทำให้ร้านให้ดูสวยเพลินตา แต่บรรยากาศของร้านทุกอย่างวิธีโชว์เสื้อผ้า หุ่นโชว์ที่เลือกใช้ (สังเกตให้ดีว่า บางร้านหากเป็นเสื้อผ้าแนวสปอร์ต หุ่นโชว์ที่ใช้จะมีผิวสีแทน) การจัดเส้นทางช็อปปิ้งในร้าน แสงไฟ เสียงเพลง ฯลฯ ล้วนแล้วแต่เป็นองค์ประกอบที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อทั้งสิ้น


2.ร้านอาหาร
ร้านอาหาร ถือได้ว่าเป็นธุรกิจที่ให้ความตื่นตัวในการออกแบบตกแต่งร้านมากกว่าร้านประเภทอื่นๆ ซึ่งไม่วาจะตกแต่งร้านให้ออกมาเป็นสไตล์ไหน ก็ควรออกแบบให้เป็นเอกภาพด้วยกันทั้งหมด ตั้งแต่บรรยากาศร้าน ของตกแต่ง เสื้อผ้าพนักงาน โลโก้ นามบัตร เมนู ภาชนะ และรูปแบบลักษณะอาหารบนภาชนะโดยหากจับทุกอย่างมาสัมพันธ์กันได้อย่างลงตัว จะก่อให้เกิดคำว่าเอกลักษณ์ซึ่งจะทำให้ลูกค้าจดจำร้านอาหารนั้นๆ ได้ขึ้นใจ

บรรยากาศของร้านอาหารควรจะสื่อถึงความเป็นกันเอง อบอุ่น ให้ความรู้สึกเป็นมิตร แต่หากเป็นร้านอาหารกึ่งผับ หรือร้านคาราโอเกะ
ควรสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการปลดปล่อยความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า ในกรณีนี้การเลือกใช้แสง สี และเสียง จะสามารถช่วยได้มาก หากร้านใดมีพนักงานยืนต้อนรับอยู่หน้าประตู ควรมีการวางผังร้านที่อำนวยความสะดวกและกำหนดทิศทางการยืนให้กับพนักงานให้อยู่ในลักษณะกีดขวางเวลาที่ลูกค้าเดินเข้าร้าน สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ โต๊ะริมกระจก ที่ไม่ว่าจะเป็นร้านกาแฟ หรือร้านอาหารก็มักจะถูกจับจองเป็นลำดับแรกๆ อยู่เสมอ

3.ร้านขายของชำ
ร้านขายของชำตอนนนี้ต้องผจญกับแข่งขันกับดีลเลอร์ใหญ่ๆ แบบไม้ซีกงัดไม้ซูง ดังนั้นการที่ร้านเล็กๆจะเน้นการแต่งร้านให้สวยงามเลิศหรู เพื่อสู้กับร้านมินิมาร์ทชื่อดัง หรือโมเดิร์นเทรดต่างๆ คงไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องนัก การตกแต่งร้านโดยการนำเอาเอกลักษณ์ของท้องถิ่นมาประยุกต์ให้เหมาะสมกับที่ตั้ง เพื่อสร้างจุดขายเฉพาะตัวขึ้นมา ดูจะเป็นเรื่องที่น่าสนใจกว่า เพื่อให้ลูกค้าได้รับบรรยากาศที่คุ้นเคย เป็นกันเอง มีการปรับเปลี่ยนบรรยากาศ ดูแลเรื่องความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อย การจัดเส้นทางเดินที่คล่องตัว การจัดวางสินค้าอย่างเป็นระบบมาปรับใช้ รวมถึงการใช้แสงไฟในปริมาณที่เพียงพอก็จะช่วยยกระดับรานขายของชำขึ้นมาได้มาก สำหรับสินค้าที่ทำยอดขายได้ดี เช่น น้ำดื่ม เครื่องดื่มชูกำลัง เบียร์ ฯลฯ ควรจัดวางให้อยู่ในตำแหน่งที่เห็นได้ชัดเจน

ภายในร้านพยายามใช้สีขาว หรือสีอ่อน เพื่อให้ร้านดูกว้างและสะอาดตา หากเป็นไปได้ ให้ใช้มุมใดมุมหนึ่งของร้านสร้างแรงจูงใจด้วยการจัดโปรโมชั่น ทั้งนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับร้านขายของชำ คือ การบริการของผู้ประกอบการ
ซึ่งหากสามารถใช้ความสนิทสนมคุ้นเคย รอยยิ้มที่สนิทสนมจริงใจมาเป็นจุดขาย เชื่อแน่ว่ามินิมาร์ทหรือซูเปอร์มาร์เก็ตใดๆ ก็ไม่สามารถสู้ได้

4.ร้านขายของที่ระลึกและสินค้าประจำท้องถิ่น
ร้านขายของฝากไม่ว่าจะเป็นร้านริมถนน หรือร้านในตึกสิ่งที่เราเห็นได้บ่อยๆ คือรูปแบบการแต่งร้านส่วนใหญ่จะเหมือนกันไปหมด โดยเฉพาะร้านริมถนน ที่มองไปก็ไม่สะดุดตาสะดุดใจร้านใดเป็นพิเศษเลย นี่คือช่องว่างที่ผู้ประกอบการสามารถจับประเด็นมาเพิ่มยอดขายให้แก่ร้านของตัวเองได้ เหนือสิ่งอื่นใด รูปแบบของร้านค้าประเภทนี้ ควรจัดให้มีความสอดคล้องกับวัฒนธรรมของท้องถิ่นนั้นๆ จัดวางสินค้าในร้านให้เป็นหมวดหมู่ ปรับรูปแบบร้านให้มีความโปร่งสบาย เพื่อให้ลูกค้าได้มีพื้นที่มากขึ้นและใกล้ชิดกับสินค้าได้มากขึ้น โดยมีพนักงานในร้านทำหน้าที่เป็นไกด์แนะนำสินค้าให้เมื่อลูกค้าต้องการ จะช่วยกระตุ้นความรู้สึกอยากซื้อได้อีกมาก

5.ร้านเสริมสวย
ในอนาคตอั้นใกล้นี้ ร้านเสริมสวยจะแข่งขันกันทางด้านไอเดีย การแต่งร้านแบบสุดฤทธิ์สุดเดช โดยการตกแต่งหน้าร้าน จะเน้นความโปร่งใส ไม่ติดสติ๊กเกอร์เลอะเทอะที่หน้าร้าน เพื่อให้ลูกค้าสามารถผ่านเข้าไปภายในร้านได้อย่างชัดเจน ส่วนกระจกที่จะถูกนำมาใช้ภายในปี สองปีข้างหน้านี้ จะเน้นรูปทรงสี่เหลี่ยม ขนาดใหญ่ เพื่อช่วยให้ร้านดูกว้างขวางตู้อุปกรณ์ในการเก็บเครื่องใช้ไม้สอยต่างๆ จะไม่วางระเกะระกะที่หน้ากระจกอีกต่อไป แต่เน้นเก็บในตู้เฉพาะ และนำออกมาใช้เมื่อต้องการเท่านั้นแสงสว่างภายในร้านเสริมสวยต่อไปจะเน้นให้แสงเป็นสีขาวสะอาดตา ซึ่งมีผลจากการใช้หลอดประหยัดไฟ เช่น หลอดเกลียว หลอดตะเกียบ
โคมไฟจะเน้นสีสันดัดกับพื้นขาวของผนังและฝ้าเพดาน โดยใช้ความมันวาวของโลหะช่วยเสริมให้ดูเด่นสง่ามากขึ้น มีการใช้ไฟดาวน์ไลท์ส่องที่รูปภาพและห้องสระผมและจะมีการผสมผสานการจัดวางต้นไม้ตามมุมต่างๆ มากขึ้น

เพื่อให้ร้านเสริมสวยดูมีความเป็นธรรมชาติที่สดชื่น สดใสร้านเสริมสวยที่ดีจำเป็นต้องคำนึงถึงความสะอาด สะดวกสบายของลูกค้าให้มาก ไม่ว่าจะเป็นขณะนั่งรอหรือระหว่างการใช้บริการก็ตาม เพราะการใช้บริการร้านเสริมสวยในบางคอร์ส ลูกค้าต้องใช้เวลานานเกือบครึ่งค่อนวัน ดังนั้นโซฟา หรือเก้าอี้รับแขกต่างๆ จะต้องเลือกเฟ้นรูปแบบที่สวยงาม นั่งสบาย และอาจมีบางมุมที่เน้นความเป็นส่วนตัวด้วย


นี่ก็เป็นเพียงตัวอย่างบางส่วนที่พอจะเป็นแนวทางในการจัดแต่งร้าน แต่อย่างไรก็บริการก็ยังคงเป็นหัวใจหลักในธูรกิจ หากเอาใจใส่ เก็บรายละเอียดทำให้ลูกค้าประทับใจได้รับรองว่า ลูกค้าต้องกลับมาใช้บริการที่ร้านอีกแน่ๆ

7/08/2011

อาชีพทำพริกแกงขาย

พริกแกงนั้นเป็นเครื่องปรุงรสที่ใช้กันทุกเครื่องเรือน เครื่องแกงไทยประกอบไปด้วยเครื่องเทศที่เป็นสมุนไพรหลายอย่าง ที่มีสรรพคุณ รักษาโรค และดีต่อร่างกายเรา การจะทำพริกแกงขาย
นั้น นอกจากเงินทุนหมุนเวียนที่ต้องมีแล้ว ยังต้องใช้เครื่องจักร อุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น เครื่องอบ เครื่องบด เครื่องหั่น สำหรับราคาขายส่ง กิโลกรัมละ 55 บาท หากนำไปส่ง
ราคากิโลกรัมละ 60บาท ซึ่งหากเป็นน้ำพริกที่มีส่วนประกอบแพง เช่น น้ำพริกตาแดง ราคาก็จะสูงขึ้นอีกนิดหน่อย พริกแกงทำขายได้ตลอด เพราะตลาดมีความต้องการสูง

ทำพริกแกงขาย

ภาพจาก health.kapook.com

ใครที่สนใจจะลองไปทำขายก็ น่าจะดี สามารถทำเป็นอาชีพเสริมหรือ อาชีพหลักได้เลยทีเดียว

สูตรน้ำพริกแกงต่อไปนี้ เป็นสูตรน้ำพริกปริมาณมาก ทำเพื่อขายส่ง ในปริมาณมาก หากต้องการทำน้อยก็ให้ลดทอนอัตราส่วนประกอบ ลงมาตามส่วน

สูตรน้ำพริกแกง
น้ำพริก แกงเผ็ด
ปริมาณ 3๐ กิโลกรัม
พริกแกง 1๐ กิโลกรัม
ใช้พริกแห้ง 2 กิโลกรัม
พริกขี้หนูแห้ง 300 กรัม
ตะไคร้ 2 กิโลกรัม
ข่า 1.3 กิโลกรัม
หอม 300 กรัม
กระเทียม 2.2 กิโลกรัม
ผิวมะกรูด 300 กรัม
กะปิ 500 กรัม
เกลือ 500 กรัม

วิธีทำ
นำส่วนผสมทั้งหมดเคล้ารวมกัน เข้าเครื่องบดนำพริก

แกงเขียวหวาน (5 กิโลกรัม )ข่า 4 กรัม
ตะไคร้ 600 กรัม
หอม 200 กรัม
กระเทียม 1 กิโลกรัม
พริกขี้หนูสดหอม 700 กรัม
พริกขี้หนูเม็ดใหญ่ 200 กรัม
พริกชี้ฟ้าเหลือง 300 กรัม
กะปิ 200 กรัม
เกลือ และน้ำตาลอย่างละ 150 กรัม
ผิวมะกรูด 100 กรัม

วิธีทำ
นำส่วนผสมทั้งหมดเคล้ารวมกัน เข้าเครื่องบดนำพริก

น้ำพริกแกงสัม(50 กิโลกรัม)
หอมแดง 25 กิโลกรัม
พริกแห้งป่น 7 กิโลกรัม
กะปิ 14 กิโลกรัม
เกลือ 7 กิโลกรัม
วิธีทำ
นำส่วนผสมทั้งหมดเคล้ารวมกัน เข้าเครื่องบดนำพริก

น้ำพริกตาแดง( 5 กิโลกรัม)หอมอบ 600 กรัม
กระเทียมอบ 1.6 กิโลกรัม
กุ้งแห้งปน1 กิโลกรัม
กะปิอบ 500 กรัม
พริกป่นแล้ว 400 กรัม
เกลือป่น 200 กรัม
มะขาม 500 กรัม
น้ำตาลปี๊บ 600 กรัม
วิธีทำ
นำส่วนผสมทั้งหมดเคล้ารวมกัน เข้าเครื่องบดนำพริก

น้ำพริกนรก(5 กิโลกรัม)
กุ้งแห้งป่น 600 กรัม
พริกป่น 400 กรัม
น้ำ 800 กรัม
มะขาม 400 กรัม
น้ำตาลปี๊บ 600 กรัม
เกลือป่น 300 กรัม
วิธีทำ
นำส่วนผสมทั้งหมดเคล้ารวมกัน เข้าเครื่องบดนำพริก


*** ข้อมูลอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา

7/04/2011

ก๋วยเตี๋ยวเต็กกอ

สำหรับท่านที่กำลังมองหาธุรกิจก่วยเตี๋ยว วันนี้เป้นโอกาสดี ที่จะแนะนำแฟรยไชส์ก่วยเตี๋ยวที่ขึ้นชื่อมากๆของเมืองนครปฐม นั่นคือ ก๋วยเตี๋ยวเต็กกอ

ลูกชิ้นหมู เต็กกอ ผลิตด้วยเนื้อหมูอย่างดี เน้นความสะอาด และไม่ใส่สารบอแรกซ์จึงท้าให้ลองทานเมนูนี้ คือ ลวกจิ้ม ที่ทานได้มากๆไม่เป็นอันตราย เด็กทานได้ ผู้ใหญ่ทานเพลิน ด้วยน้ำจิ้มรสเด็ด แทบทุกโต๊ะต้องลอง
ยำเต็กกอ คงหาทานที่อื่นยากเพราะเป็นแบบของเราเอง เผ็ด เปรี้ยว หวาน ครบรส หอมมะนาว
หมูเด้งทอดมัน ทั่วไปใช้ปลา แต่เต็กกอใช้หมูเป็นเจ้าแรกที่ทำและลูกค้าให้การยอมรับ
ขาหมูเต็กกอ หลายท่านอาจจะไม่ทราบ คิดว่าเรามีแต่ก๋วยเตี๋ยว ขาหมูเป็นอีกหนึ่งเมนูที่ดึงลูกค้าได้มากทีเดียว

รายละเอียด
รูปแบบธุรกิจ เต็กกอ
รูปแบบที่ 1 เรียกว่า เต็กกอ แฟรนไชส์ (สีแดง)
เน้นเปิดริมถนนคนเดินทางเส้นทางหลักที่มีรถหนาแน่น บรรยากาศสบายๆ ที่จอดรถสะดวก ราคาเริ่มต้นอิ่มละ 20 บาท
ปัจจุบันมีกว่า 50 สาขาทั่วประเทศ
ค่าแฟรนไชส์แรกเข้า 60,000 บาท ต่อสัญญาปีละ 5,000 บาท
(พร้อมป้าย, อุปกรณ์, ชุดพนักงานและฝึกอบรม 1 อาทิตย์โดยทีมงานผู้ชำนาญ)

รูปแบบที่ 2 เรียกว่าเต็กกอ จูเนียร์ แฟรนไชส์ (สีส้ม)
เน้นกลุ่มคนในเมือง ที่ชอบความทันสมัย เป็นก๋วยเตี๋ยวติดแอร์ ราคาติดดิน เชิญแวะชิมและสัมผัสบรรยากาศได้ที่
สาขา ถ.ต้นสน จ.นครปฐม
สาขา อ.เมือง จ.ราชบุรี (ตรงข้ามห้างโรบินสัน)
สาขาอ.เมือง จ.ขอนแก่น(ใกล้ห้างแฟรี่)
ค่าแฟรนไชส์แรกเข้า 100,000 บาท ต่อ สัญญาปีละ 10,000 บาท

ขั้นตอนการทำแฟรนไชส์
1.เสนอทำเล เป็นรูปถ่าย ให้เห็นภาพของสถานที่กว้างๆ จำนวน 8-10 ภาพ
2.เขียนแผนที่แสดงกลุ่มเป้าหมาย และวิเคราะห์กลุ่มลูกค้าที่คาดว่าจะได้
3.รอคำตอบ และคัดมาทดลองงานก่อน 1-2 วัน
4.เตรียมตกแต่งร้านตามแบบเต็กกอ
5.กำหนดวันเปิด และฝึกอบรม 1 อาทิตย์
6.เซ็นสัญญา ชำระเงิน
7.เข้าดำเนินการ

6/27/2011

เอสกิไอซ์ EZKIICE (Snow Ice Cream)

เมืองไทยอากาศร้อนเกือบทั้งปี การได้ทานน้ำแข็งใสเย็นๆสักถ้วยจะทำให้สดชื่น น้ำแข็งใสแบบดั้งเดิมก็ไม่มีมีอะไรแตกต่าง หากได้ลองทานน้ำแข็งไสอินเตอร์ ที่ราดด้วยท็อปปิ๊งผลไม้ต่างๆ ‘Ezkiice Snow lce Cream’
แรกเห็นก็เหมือนน้ำแข็งใสทั่วๆ ไป แต่พอได้ทานแล้วจะรู้ว่า แตกต่าง

EZKIICE มาจากคำว่า ESKIMO' ชนเผ่าในดินแดนแห่งหิมะ รวมกับคำว่า lCE' กลายมาเป็นชื่อของร้าน EZKIICE' ซึ่งหมายถึง น้ำแข็งของชาวเอสกิโมนั่นเอง

เอสกิไอซ์  EZKIICE

ภาพจากwww.scribd.com/
เอสกิไอซ์ นำเสนอน้ำแข็งใสออกมาโดยผ่านเครื่องไสน้ำแข็งซึ่งจะได้ออกมาเป็นแผ่นบางๆ เหมือน รสชาตินุ่มราวกับกระดาษทิชชู่ มีรสชาติที่อร่อยได้ประโยชน์ เพราะคัดสรรวัตถุดิบที่มาใช้อย่างพิถีพิถันที่ได้จากธรรมชาติล้วนๆ ถือเป็นอีกทางเลือกสำหรับคนที่ให้ความสนใจ และใสใจในเรื่องของสุขภาพ คือ แทนที่จะทานน้ำแข็งใสเปล่าๆ ใส่น้ำแดง ก็มาทานน้ำแข็งรสนมสดกับผลไม้
ลักษณะของ Ezklice Snowice จะอยู่ตรงกลางระหว่างน้ำแข็งไสกับไอศครีมเนื่องจากใช้ส่วนผสมคล้ายไอศครีม แต่ผ่านกรรมวิธีทำให้เป็นน้ำแข็งโดยที่ส่วนผสมไม่ตกตะกอน โดยใช้เวลาการผลิตถึง 6 ชั่วโมงในแต่ละครั้ง ทำให้ได้น้ำแข็งที่มีความหนาแน่นของเนื้อค่อนข้างมาก เมื่อนำมาไสแล้วจะออกมาเป็นแผ่นบางๆ ราวกับ ‘ผ้าพับไว้’ และมีความนุ่ม แทบจะละลายในปากทันทีที่
รับประทาน ดังนั้นจะไม่รู้สึกถึงเสี้ยนน้ำแข็งเลย ซื่งจะต่างจากน้ำแข็งใสทั่วๆ ไป และในการคัดสรรวัตถุดิบที่มาใช้ก็เปี่ยมด้วยคุณภาพ เช่น นมผงนำเข้าจากประเทศนิวซีแลนด์ ซื่งเป็นประเทศที่ได้รับการยอมรับในเรื่องผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ วัตถุดิบบางส่วนจากประเทศญี่ปุ่น และผ่านกรรมวิธีการทำที่สะอาด ปลอดภัย ไร้ลิ่งเจือปน โดยคำนึงถึงประโยชน์และความอร่อยอย่างมีคุณค่าที่ลูกค้าจะได้รับเป็นสิ่งสำคัญ
เอสกิไอซ์ ยังสามารถปรับรสชาติของน้ำแข็งให้แฟรนไชซีในแต่ละสาขาให้มีรสชาติเฉพาะตัวได้ นอกเหนือจากรสชาติมาตรฐานเช่น ในบางสถานที่อยากเพิ่มหวานให้มากขึ้นหรีอน้อยลง ต้องการให้รสชาติจางลง เพิ่มความหอมอีกหน่อย ทางเราก็สามารถปรับให้ได้ตามความต้องการ โดยจะฟังความเห็นลูกค้าเป็นหลัก หรือถ้าด้องการรสชาติแปลกใหม่ ที่ดูแล้วมีความเป็นไปได้
เช่น รสถั่ว รสกล้วย นมเยน ชาไทยฯลฯ อยากให้ลองดู ก็ยินดีทำส่งใหั เพียงแฟรนไชซีแจ้งมา ถือเป็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ดียิ่งขึ้น

สำหรับท็อปปิ๊งที่ใช้ทานกับ Snow lce นั้น เป็นผลไม้ จะแบ่งเป็นผลไม้สด 70% ผลไมักระป๋อง 20% และผลไม้แช่แข็งอีก 10% แฟรนไชส์ซีสามารถปรับเปลี่ยนผลไม้ให้เข้ากับท้องถิ่นที่ขายได้
แฟรนไชส์ซอร์จะให้คำแนะนำในการดำเนินงาน และการจัคการร้านค้าตลอดอายุ
แฟรนไชส์ ในส่วนของงานตกแต่ง ราคาจะขึ้นอยู่กับพื้นที่และทำเลของลูกค้า ทางเราจะแนะนำการหาทำเลที่ตั้ง รวมถึงระบบการจัดการร้าน การออกแบบร้านตามพื้นที่หน้างานให้ฟรี ไม่มีค่าธรรมเนียมรายเดือน-ปี หรือ แบ่งเปอร์เซ็นต์ในการขายใดๆ เพิ่มเติม
ส่วนระยะเวลาการคืนทุน ขึ้นอยูกับราคาขายต่อถ้วยด้วย คุณประภัทรบอกว่า ‘คนทีสนใจ แฟรนไชส์ทาง EZKIICE จะมีการคำนวณรายได้และจุดคุ้มทุนให้ก่อนเริ่มทำเพื่อเป็นการวางแผนและตั้งเป้ายอดขายก่อนขายจริง เช่น ถ้าขาย 49 บาท กำไรก็จะได้เฉลี่ยประมาณ 25-30 บาทต่อถ้วย จุดคุ้มทุนจะอยู่ราวๆ 6 เดือน ถือว่าเป็นอาชีพที่ให้ผลตอบแทนสูง คืนทุนเร็ว ซึ่งการตั้งราคาสินค้า
แต่ละขนาดนั้นจะขื้นอยู่กับทำเลที่ตั้งร้านของลูกค้าด้วย’


เอสกิไอซ์ (EZKIICE )มีรูปแบบการลงทุนให้เลือก 2 รูปแบบ
ลงทุน 45,000 บาท + 15,000 บาท (ค่ามัดจำผลิตภัณฑ์) เหมาะสำหรับคนที่จะไปทำแบรนด์เอง หรือมีธุรกิจร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านเบเกอร์รี่ หรือร้านไอศกรีม เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และต้องการไปเพิ่มเป็นเมนูหนึ่งภายในร้านค้า
สิ่งที่ได้รับ
- เครื่องไสน้ำแข็งจากไต้หวัน 1 เครื่อง มูลค่า 25,000 บาท
- น้ำแข็งคละรสชาติจำนวน 5 ก้อน
- ถ้วยสำหรับน้ำแข็งไสขนาด 12 ออนซ์ จำนวน 100 ใบ
- คำแนะนำในการดำเนินงาน และการจัดร้านค้าตลอดอายุแฟรนไชส์
- ราคาน้ำแข็งก้อนละ 200 บาท (ทำได้ 17-18 ถ้วย/1 ก้อน)
- CD ภาพผลิตภัณฑ์เพื่อใช้ประชาสัมพันธ์ ร้าน
หมายเหตุ ลูกค้าต้องซื้อตู้แช่ผลไม้และตู้แช่น้ำแข็งเอง/ไม่รวมค่าตกแต่งร้านค้า (ประมาณ6,000 บาท/ตรม) เงินค่าผลิตภัณฑ์ได้รับคืนเมื่อครบอายุสัญญา 2 ปี

ลงทุน (แบบ Full time partner) 90,000 บาท + 15,000 บาท (ค่ามัดจำผลิตภัณฑ์) เหมาะสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มต้นไม่อยากไปหาอุปกรณ์อื่นๆ เนื่องจากทางEZKIICE จะจัดอุปกรณ์ทุกอย่างให้ครบเซ็ต สามารถเริ่มต้นธุรกิจได้เลย
สิ่งที่ได้รับ
- เครื่องไสน้ำแข็งจากไต้หวัน 1 เครื่อง มูลค่า 25,000 บาท
- ตู้แช่ผลไม้พร้อมถาดหลุม 15 ถาด
- ตู้แช่น้ำแข็ง
- น้ำแข็งคละรสชาติจำนวน 10 ก้อน
- ถ้วยสำหรับน้ำแข็งไสขนาด 12 ออนซ์ จำนวน 100 ใบ
- ออกแบบและทำแบบ สำหรับการตกแต่งร้านค้าตามพื้นที่หน้างาน (ไม่รวมค่าตกแต่งร้านค้า)
- คำแนะนำในการดำเนินงาน และการจัดร้านค้าตลอดอายุแฟรนไชส์
- ราคาน้ำแข็งก้อนละ 180 บาท (ทำได้ 17-18 ถ้วย/1 ก้อน)
- CD ภาพผลิตภัณฑ์เพื่อใช้ประชาสัมพันธ์ ร้าน
- ธงญี่ปุ่นตั้งพื้นพร้อมภาพ อิงค์เจ็ท จำนวน 1 ชุด
- การประชาสัมพันธ์ร้านอย่างต่อเนื่องทั้งทางเว็บไซต์และหนังสือ

**หมายเหตุ ไม่รวมค่าตกแต่งร้านค้า(ประมาณ6,000บาท/ตรม) เงินมัดจำผลิตภัณฑ์ได้รับคืนเมื่อครบอายุสัญญา 2 ปี

สนใจธุรกิจเอสกิไอซ์ (EZKIICE)น้ำแข็งใส สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณประภัทร รัตนโชติชัยฤทธิ์ ที่ 8/99 ม.3 ซอยรามอินทรา14 ถนนรามอินทรา แขวงจระเข้บัว เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ 10230 หรือโทร.089-988 9906,
081-307 9119 หรือ www.ezkiice.com, www.ezkiicesnowice.com

6/24/2011

ก๋วยเตี๋ยวเรือหมูตุ๋น

ก๋วยเตี๋ยวเป็นอาหารตามสั่งที่ได้รับความนิยมสูง หากอยากเปิดร้านก๋วยเตี่ยวต้องศึกษาหาข้อมูลให้ดี หาสูตรก๋วยเตี๋ยว สูตรน้ำซุปที่อร่อย ทดลองทำซ้ำแล้วซ้ำอีก จนได้สูตรที่อร่อย ถูกใจคนกิน
แต่หากไม่มีเวลาในการฝึกฝนมากนักวันนี้มี แฟรนไชส์ก๋วยเตี๋ยวเจ้าดัง มาแนะนำรับรองว่า อร่อยขายดีแน่นอน "ก๋วยเตี๋ยวเรือหมูตุ๋นเมืองกาญจน์"

รายละเอียดก๋วยเตี๋ยวเรือหมูตุ๋นเมืองกาญจน์
จำหน่ายก๋วยเตี๋ยวเรือหมูตุ๋น จุดเด่นของก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นหมูท่าเรือเมืองกาญจน์
คือ มีความหลากหลายในด้านเมนูอาหาร ซึ่งได้แก่ ลูกชิ้นน้ำใส, ลูกชิ้นหมูตุ๋น, หมูเด้งต้มยำ, ต้มยำรวมมิตร, เย็นตาโฟท่าเรือ, เกาเหลาต้มยำ, และข้าวหน้าหมูตุ๋น
โดยเฉพาะการได้รับสัญลักษณ์เชลล์ชวนชิมจาก ม.ร.ว. ถนัดศรี สวัสดิวัฒน์ ชึ่งเป็นการรับประกันถึงความอร่อยได้มาตรฐาน ที่สำคัญวัตถุดิบที่ใช้ทำนั้นปราศจากสารปนเปื้อนและสารบอแรกช์ จึงปลอดภัยสำหรับการบริโภคอย่างแท้จริง

รายละเอียดการลงทุน
1. เงินลงทุนต่อหนึ่งสาขา 39,000 (สามหมื่นเก้าพันบาท) พร้อมอุปกรณ์การขายครบชุด 22รายการ พร้อมสิทธิ์ในการใช้ชื่อ “ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นหมูท่าเรือ เมืองกาญจน์” และเครื่องหมายรับรองคุถนภาพและความอร่อย “เชลล์ชวนชิม”
2. ลูกค้า(แฟรนไชซี)จะได้รับการต่ออายุสัญญาแฟรนไชส์รายปีให้โดยอัตโนมัติโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
3. เฟรช นูดเดิล มาร์ท จะจัดส่งสินค้าประเภท ลูกชิ้น หมูตุ๋น เนื้อตุ๋น หมูเด้งและเครื่องปรุงน้ำซุปให้กับลูกค้าโดยมีกำหนดเวลาที่แน่นอนในราคาที่เหมาะสมสำหรับสินค้ารายการอื่นๆ
ลูกค้าสามารถซื้อได้จากแหล่งจำหน่ายใกล้ร้านค้า หรือใกล้บ้านเพื่อความสะดวกของลูกค้า
4. ลูกค้าจะได้รับการสอนวิธีการที่เกี่ยวข้องกับการขาย นับแต่การจัดเรียงสินค้าการเตรียมวัตถุดิบ การปรุงน้ำซุป การทำและการปรุงจนชำนาญเพียงพอที่จะขายได้จริง

รายการอุปกรณ์มาตรฐาน
1. รถเข็นขนาด 1.85 เมตร 4 ล้อ พร้อมหลังคาแบบยืดตัวได้ 1 คัน
2. หม้อก๋วยเตี๋ยวขนาด 23" x 18" 1 ใบ
3. หม้อตุ๋นสำหรับใส่หมุตุ๋น (หรือเนึ้อตุ๋น) 1 ใบ
4. ตู้ก๋วยเตี๋ยวชนาด 36" 1 ใบ
5. ป้าย “ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นหมูท่าเรือ เมืองกาญจน์” และป้ายสัญลักษณ์ “เชลล์ชวนชิม”
6. ชุดไฟติดป้าย 1 ชุด
7. โต๊ะก๋วยเตี๋ยว 3 ตัว
8. เก้าอี้ซุปเปอร์แวร์ 12 ตัว
9. ตระแกรงคว่ำชามสแตนเลส 1 อัน
10. ตะกร้อลวกก๋วยเตี๋ยว 1 ใบ
11. กระบวยตักน้ำแกง 1 อัน
12. กระบวยใหญ่ตักน้ำซุป 1 อัน
13. โถใส่เครื่องปรุง 6 ใบ
14. พวงพริกพร้อมแก้ว/ช้อน ครบชุด 3 ชุด
15. ฝาชีครอบพวงพริก 3 ใบ
16. ชามเมลามีน 7.5 นิ้ว 4 โหล
17. ตะเกียบพลาสดติก 36 คู่
18. ช้อนสแตนเลส 3 โหล
19. ที่คีบลูกชิ้นสแตนเลส 1 อัน
20. ตะกร้าใส่ช้อนตะเกียบ 3 ใบ
21. ถังใสถั่วงอก 1 ใบ
22. ชามแก้วใสใส่ผัก 2 ใบ

นโยบาย- จะไม่ขยายสาขาซ้อนกัน สาขาที่ทำอยู่ก่อนจะมีสิทธิ์มากกว่า เจ้าใหม่
- มีศูนย์ฝึกอบรม ให้ฟรี

คุณสมบัติผู้ร่วมทุน- มีใจอยากทำธุรกิจ
- มีเงินทุนเริ่มต้น

สนใจธุรกิจก๋วยเตี๋ยวเรือหมูตุ๋นเมืองกาญจน์
ที่อยู่ห้างหุ้นส่วนจำกัด เฟรช นูดเดิ้ล มาร์ท 38 อาคารพรีเมียร์เพลซ (ข้างเสรีเซ็นเตอร์)
ซอยพรีเมียร์2 ถนนศรีนครินทร์ ประเวศ กรุงเทพฯ 10260 โทรศัพท์ 0-2748-2096-7

6/21/2011

โรงเรียนกวดวิชา

การเรียนเป็นสิ่งสำคัญเพราะเป้ฯพื้นฐานของชีวิตและอนาคต ทุกวันนี้ เด็กนิยมไปเรียนกวดวิชากันมากๆ ปีหนึ่งๆมีนักเรียนมากมาย และจะเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ โรงเรียนกวดวิชาจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเด็กในยุคปัจจุบัน เพราะผู้ปกครองต่างก็มีความต้องการให้ลูกหลานของตนเองได้มีโอกาสเข้าไปศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยรัญที่มีชื่อเสียง
แต่เนื่องจากในปัจจุบันการแข่งขันมีอยู่สูง ดังนั้นผู้ปกครองจึงต่างผลักดันให้ลูกหลานเข้าเรียนพิเศษตามโรงเรียนกวดวิชาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้โรงเรียนกวดวิชาเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก และโรงเรียนกวดวิชา “เจี๋ย” ก็นับเป็นอีกหนึ่งสถาบันกวดวิชาที่ได้รับการตอบรับจากผู้ปกครองและนักเรียนอย่างล้นหลาม

โรงเรียนกวดวิชา
ภาพจากjiaacademy.com/jia.php

โรงเรียนกวดวิชาเจี๋ยเตรียมขยายสาขาแฟรนไชส์ กระจายการศึกษาให้ถึงเด็กทั่วภูมิภาค
ความต้องการกวดวิชาของเด็กนักเรียนมีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปี โดยเฉพาะในต่างจังหวัด ทำให้โรงเรียนกวดวิชา “เจี๋ย” มีแนวคิดที่จะเปิดแฟรนไชส์ขึ้น
เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักเรียนและผู้ปกครอง จะได้ไม่ต้องเสียเวลาในการเดินทาง และมีเวลาทบทวนบทเรียน หรือมีเวลาอยู่กับครอบครัวและเพื่อนมากขึ้น
เพราะเชื่อว่าการเรียนกวดวิชาเพิ่มในพื้นที่ใกล้บ้านหรือใกล้โรงเรียนในจังหวัดนั้นๆ จะทำให้บรรยากาศในการเรียนการสอนไม่ตึงเครียด ไม่ต้องปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่
ผู้ทำให้มีสมาธิในการเรียนดีขึ้นและเด็กอยู่ในสายตาผูปกครองอย่างใกล้ชิด

สำหรับคุณสมบัติของผู้ร่วมลงทุนหรือแฟรนไชส์ซีนั้น คือ

1. ผู้ร่วมลงทุนต้องมีทัศนคติ ความคิดในการพัฒนาการศึกษาของเด็กไทยเป็นสำคัญ
มาช่วยกันคิดช่วยกันทำให้เด็ก ๆ มีโรงเรียนกวดวิชาที่ดีใกล้บ้าน
2. ต้องมีตึกและมีสถานที่พร้อม ส่วนในเรื่องโลเคชั่นเราจะช่วยดูให้ว่าคุณควรเปิดโลเกซั่นไหน
ซึ่งปัจจัยที่เรามองนั้น ได้แก่ สถานที่ดังนั้นมีโรงเรียนกวดวิชาไหม เป็นพื้นที่ใกล้โรงเรียนไหม ซึ่งมีปัจจัยหลายอย่างที่เราต้องคุยกัน สำหรับสาขาในต่างจังหวัดเราให้คนในพื้นที่ในจังหวัดนั้นเป็นเจ้าของแฟรนไชส์
สมมติว่าเราจะเปิดแฟรนไชส์ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เจ้าของก็ต้องเป็นคนในจังหวัดนครศรีธรรมราช เพราะว่าถ้าเป็นคนในจังหวัดนั้นๆ จะมีข้อได้เปรียบ

แฟรนไชส์โรงเรียนกวดวิซาเจี๋ยก็เช่นกันแม้ศักยภาพและความพร้อมที่จะขยายสาขาแฟรนไชส์ให้กับผู้ลงทุนมีจำนวนมาก
แต่สถาบันก็จำกัดแฟรนไชส์ไว้เพียงแต่ 30 สาขาทั่วประเทศ เพื่อให้ง่ายต่อการบริหารจัดการและการคุมคุณภาพให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันดังนั้นผู้ที่มีคุณสมบัติพร้อมตามที่กำหนดจึงมีสิทธิ์ลงทุนก่อนใคร


สำหรับรูปแบบในการเปิดแฟรนไชส์นั้น แบ่งเป็น 2 รูปแบบ คือ
1. รูปแบบ STAND ALONE เป็นอาคารพาณิชย์ 2 ห้อง มีพื้นที่ใช้สอยได้ทุกชั้น หรือเป็นเจ้าของอาคารพาณิซย์เอง หรือมีสัญญาเช่า 5 ปีขึ้นไป
2. รูปแบบ SHOP ตั้งอยู่ในอาคารของศูนย์การค้า อาคาร สำนักงาน และโครงการพลาซ่า มีพื้นที่ตั้งแต่ 300 ตร.ม. ขึ้นไป ภายในห้องมีการจัดสรรขอบเขตพื้นที่อย่างชัดเจนและมีสัญญาเช่า 3 ปีขึ้นไป

ค่าใช้จ่ายในการลงทุนเราแบ่งเป็น 3 ส่วน
1. ค่าแฟรนไชส์
2. ค่าตกแต่งสถานที่
3. ค่าเครื่องใช้อุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น คอมพิวเตอร์ โทรทัศน์ เครื่องเล่น DVD เป็นต้น
ซึ่งค่าลงทุนเบื้องต้นประมาณ 3.2 ล้าน บาท - 3.8 ล้านบาท

ซึ่งเรากำหนดจุดคุ้มทุนในการลงทุนไว้ 3-3.5 ปี โดยมีอายุสัญญาแฟรนไชส์ 6 ปี หลังจากนั้นจะต่ออายุทุก ๆ 3 ปี
ส่วนในเรื่องการตกแต่งนั้นเป็นไปตามการดำเนินงานภายใต้การควบคุมของสถาปนิกและวิศวกรผู้ออกแบบ เพื่อให้แฟรนไชส์ซีมีรูปแบบร้านที่สวยงามเหมาะสมกับทำเลที่ตั้งและกลุ่มเป้าหมาย
โดยมีโครงสร้างที่ปลอดภัยเหมือนสาขา ต้นแบบที่สยามสแควร์ทุกอย่าง ซึ่งเราค่อนข้างให้ความสำคัญกับจุดนี้มาก เพราะเรามองว่าโรงเรียนนอกจากเป็นแหล่งเรียนรู้วิชาการแล้ว
จะต้องเป็นสถานที่ที่ปลอดภัย ถูกต้องตามรูปแบบของกระทรวงศึกษาธิการ
สำหรับจุดเด่นของแฟรนไซส์โรงเรียนกวดวิชา เจี๋ย นั้นคือ ธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการศึกษาเป็นการลงทุนระยะยาว แน่นอนว่าไม่ใช่ธุรกิจแบบเสือนอนกิน
ผู้ลงทุนจะต้องร่วมมือกับทางสถาบันในการพัฒนาการศึกษาในพื้นที่ของตนสำหรับในเรื่องการบริหารจัดการนั้น ทางสถาบันจะบริหารจัดการให้ทั้งหมด
รวมถึงพนักงานที่อยู่หน้าเคาน์เตอร์เราก็เป็นคนจัดหาและจ่ายเงินเดือนให้ แฟรนไชส์ซีไม่ต้องเข้ามาดูแลเรื่องระบบและการบริหารเลย

สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-252-4848, 0-2255-3847, 0-2253-7825, 08-1686-0807 หรือ www.jia-math.net

6/16/2011

เปิดร้าน ซัก อบ รีดเสื้อผ้า

การซักผ้า รีดผ้า เป็นกิจกรรมที่น่าเบื่อและต้องอาศัยเวลามาก ในแต่ล่ะครั้ง วิถีการดำเนินชีวีตของคนในยุคปัจจบันที่เป็นไปอย่างเร่งรีบ ผู้คนส่วนใหญ่ต้องออกไปทำงานนอกบ้านกันมากขึ้น ทำให้เวลาว่าง สำหรับการทำงานบ้านต่าง ๆ ลดน้อยลง ธุรกิจร้านซัก อบ รีดเสื้อผ้าจึงมีความน่าสนใจ และเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สามารถตอบสนองความสะดวกสบายของคนในยุคนี้ได้เป็นอย่างดีเพราะคนส่วนใหญ่ยอมที่จะเสียเงินมากกว่าที่จะเสียเวลามานั่งซักผ้ารีดผ้าเอง

เปิดร้านรับซัก อบ รีดเสื้อผ้า

ภาพจากthaiselling.com
กลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้แก่
-กลุ่มนักศึกษา ซึ่งส่วนใหย่จะอาศัยอยู่ตามหอพักอพาร์ทเมนท์ คอนโดมิเนียม เป็นต้น ลูกค้ากลุ่มนี้มีกำลังซื้อในระดับปานกลางถึงระดับลูง
-กลุ่มคนทำงาน คนทำงานที่ใช้บริการซักอบรีด จะอาศัยอยู่ตามแหล่งชุมชน เช่น ในหมู่บ้าน อพาร์ทเมนท์ คอนโดมิเนียม เป็นต้น กลุ่มนี้มีกำลังซื้อในระดับปานกลางถึงระดับสูง

อุปกรณ์ที่จำเป็นในการเปิดร้าน ซัก อบ รีด เสื้อผ้า
เครี่องซักผ้าแบบถังเดี่ยว, เตารีดแห้ง ,เตารีดไอน้ำ ,โต๊ะรีดผ้า ,กะละมังซักผ้า ,ผงซักฟอก ,น้ำยาปรับผ้านุ่มน้ำยาขจัดคราบไคล ,น้ำยารีดผ้าเรียบ ,ไม้แขวนเสื้อ, ราวตากผ้า, ตะกร้าใส่เสื้อผ้า

ขั้นตอนการซักอบรีดเสื้อผ้า
1. ต้องแยกผ้าขาว-ผ้าสี ออกจากกัน นำผาขาวมาซักก่อน แล้วจึงซักผ้าสีทีหลัง และเนื้อผ้าประเภทเดียวกันซักพร้อมกัน ถ้ามีรอยเปื้อนให้ใช้น้ำยาขจัดคราบไคลป้ายส่วนที่เปื้อนก่อน หากผ้าเนื้อหนามาก ๆ เช่น ผ้ายีนส์ ควรแยกซักต่างหาก

2. เปิดน้ำใส่เครื่องซักผ้า ใส่ผงซักฟอกลงในเครื่อง เอาผ้าใส่ลงไปตามความจของเครื่อง แล้วกดปุ่มการทำงานตามระบบของเครื่องนั้นๆและทำจนครบทกขั้นตอน

3 เมื่อเครื่องทำงานเสร็จ นำผ้าที่ปั่นจนแห้งไปตากที่ราวตากผ้าเพื่อให้ผ้าแห้งสนิท

4. นำมารีดให้เรียบ ซึ่งต้องรู้ว่าผ้าชนิดไหนควรใช้ระดับความร้อนเท่าไร โดยดูจากวิธีการใช้เตารีด แต่ถ้าเป็นผ้าเนื้อบางๆ ควรใช้ผ้าขาวบางชุบน้ำหมาด ๆ วางทับแล้วจึงรีด จะช่วยให้เนื้อผ้าไม่เสีย และรีดเรียบง่ายขึ้น
เมื่อรีดเสร็จนำไปใส่ไม้แขวนเสื้อแขวนไว้ที่ราว รอลูกค้ามารับ


การลงทุนเบื้องต้น : ประมาณ 2o,ooo บาท (เครื่องซักผ้าแบบถังเดี่ยว ราคาประมาณ 15.000 บาท
กำไร : ประมาณ20-30 %
- เสื้อผ้าทั่วไป ชิ้นละ 1o-15 บาท
- ชุดสูทของบุรุษ ชุดเครื่องแบบข้าราชการ 80 บาท/ชุด
- ผ้านวม 50 บาท/ผืน
- ราคาซักเหมารายเดือน 600-900 บาทหรือ/60 ชิ้น

สิ่งที่ควรรู้
1. มีความรู้ในเรื่องเนื้อผ้า ผู้ประกอบการควรมีความรู้ในเรื่องเนื้อผ้าพอสมควร เพราะผ้าแต่ละชนิดมีวิธีการ และขั้นตอนการซักรีดที่แตกต่างกันออกไป ตามประเภทของเนื้อผ้า

2. การตกแต่งร้าน ผู้ประกอบการควรจัดบ้านให้โล่ง โปร่งสบายการจัดวางสิ่งของเป็นระเบียบ และสะอาด โดยมีราวเหล็กสำฬรับแขวนเสื้อผ้าไว้ตามผนังทั้งสองด้าน เพื่อประหยัดพื้นที่ของร้าน และร้านจะเน้นความสะอาดเป็นหลัก

** อาจจะติดตั้ง เครื่องซักผ้าแบบหยอดเหรียญไว้ให้ลูกค้าเพื่อเป็นทางเลือกด้วยอีกทาง
ปัจจุบันการแข่งขันของฐุรกิจซักอบรีดเสื้อผ้า มีแนวโน้มสูงขึ้น เนี่องจากซักอบรีดเป็ษธุรกิจที่ใช้เงินลงทุนค่อนข้างน้อย ขั้นตอนการดำเนินงานก็ไม่ยุ่งยากเหมีอนแต่ก่อน ปัจจัยเหล่านี้เองจูงใจให้ผู้ประกอบการรายใหม่เข้ามาลงทุนในธรกิจซักอบรีดกันมากขึ้น นอกจากนั้นความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญที่ตอนนี้ได้รับความนิยมอย่างมาก ทำให้ธุรกิจชักอบรีดมีคู่แข่งมากขึ้น แต่ยังไงกลุ่มลูกค้าก็ยังคงมีอยู่ตลอดไป

6/09/2011

"Nail Cap" ธุรกิจเอาใจคนรักสัตว์

วันนี้ขอแนะนำธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง เพื่อเอาใจคนรักสัตว์กันนะครับ หรือคนที่อยากเปิดร้าน pet shop ซึ่งเป็นธุรกิจที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่องในทุกวันนี้ "Nail Cap" จึงเป็นไอเดียที่น่าสนใจสำหรับคนที่กำลังมองหาไอเดียธุรกิจ

Nail Cap เป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยง เป็นธุรกิจที่ได้รับความนิยมอยู่อย่างต่อเนื่อง แม้สภาพเศรษฐกิจในบางจังหวะจะขาดช่วง แต่ธุรกิจด้านสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะอุปกรณ์สำหรับสัตว์เลี้ยง จัดเป็นปัจจัยที่สำคัญมากพอเทียบเท่ากับปัจจัย 4 ความต้องการขั้นพื้นฐานของมนุษย์ทีเดียว ทำให้แม้จะเกิดผลกระทบด้านเศรษฐกิจรุนแรงเพียงใด การเติบโตในภาคธุรกิจสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงยังคงดำเนินได้ ไม่ทำให้รอยยิ้มของผู้ประกอบการด้านธุรกิจสัตว์เลี้ยงลดลง
กลุ่มลูกค้าคือ ผู้รักสัตว์เลี้ยง และนิยมอุปกรณ์แปลกใหม่สำหรับสัตว์เลี้ยงแสนรักของตน

จุดเด่นของสินค้า สินค้าแปลกแตกต่าง นำเทรนด์อุปกรณ์สัตว์เลี้ยงนำเข้า
สิ่งที่ทำให้สินค้าได้รับความนิยมจากร้านเพ็ตช็อป และ ร้านอาบน้ำ ตัดแต่งขนสัตว์เลี้ยง เพราะสินค้ามีความหลากหลาย โดยบางชนิดบริษัทของคุณชุติมาเป็นผู้นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยเป็นรายแรก ก่อนความนิยมจะแพร่หลาย หรือบางชนิดเป็นรายเดียวที่นำเข้ามาจำหน่าย ทำให้ลูกค้าติดใจในความแตกต่างที่มีมากกว่าบริษัทนำเข้าอื่น

การณ์เลือกสินค้า โดยหวังให้เป็นที่ถูกใจของลูกค้า และไม่พลาด เมื่อสินค้าที่เธอสั่งนำเข้ามาติดตลาดทุกชิ้น หรือแม้บางชิ้นนำเข้ามายังไม่โดดเด่นหรือขายดีในเวลานั้น แต่ไม่นานนักสินค้าจะขายได้และติดตลาดอย่างแน่นอน ที่สำคัญเธอยืนยันว่า นานที่สุดสำหรับสินค้าค้างสต๊อคก่อนได้รับความนิยมไม่ควรเกิน 3 ปี ซึ่งเหตุที่เป็นเช่นนั้นไม่ใช่เพราะสินค้าไม่ดี แต่เพราะเทรนด์หรือกระแสความนิยมยังเข้ามาไม่ถึงบ้านเรา


นำเทรนด์ใหม่ทุก 3 เดือน
รถเข็นสัตว์เลี้ยง เป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมในต่างประเทศมาราว 8 ปีก่อน และเป็นสินค้าที่คุณชุติมามองการณ์ไกล นำรถเข็นสัตว์เลี้ยงเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยด้วย แม้ลูกค้าจะจำนวนไม่มาก แต่เป็นสินค้าที่ขายได้ตลอดกาล แม้ราคารถเข็นสัตว์เลี้ยงจะสูงมากในสนนราคาเป็นเท่าตัวของรถเข็นคน แต่ไม่มีเดือนไหนที่รถเข็นจำหน่ายไม่ได้ แม้ในภาวะที่สภาพเศรษฐกิจไม่คล่องตัวนัก จึงประเมินได้ว่าธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์สัตว์เลี้ยงเป็นธุรกิจที่คงอยู่ได้ในทุกสภาพเศรษฐกิจ

พยายามมองหาสินค้าใหม่ๆ ที่กำลังได้รับความนิยมในต่างประเทศ แต่ต้องเหมาะกับบ้านเรา เพราะสภาพอากาศไม่เหมือนกัน สินค้าบางประเภทจึงใช้ด้วยกันไม่ได้ โดยทุก 3 เดือน จะมีสินค้าใหม่เข้ามา และเมื่อแน่ใจว่าสินค้าจำหน่ายได้ ต้องตัดสินใจสั่งนำเข้า มิฉะนั้น อาจมีผู้จำหน่ายรายอื่นสั่งนำเข้ามาจำหน่ายก่อน ทำให้เราตกเทรนด์ ลูกค้าจะไม่เชื่อถือในบริษัทเรา

สินค้าที่ C.C.PET นำเข้ามาเป็นรายแรกและได้รับความนิยมอย่างมาก อาทิ สายจูงเทรนด์ใหม่ ถาดส้วม รถเข็น และสินค้าใหม่ที่ติดท็อปฮิตตลาดต่างประเทศ นำเข้ามาเผยแพร่ในประเทศไทยไม่นานมานี้ เป็นการตกแต่งเล็บให้กับสัตว์เลี้ยงตัวโปรด ด้วยการใส่สีสันให้กับเล็บ ใช้วัสดุที่ไม่เป็นอันตรายกับสัตว์

เทรนด์ล่าสุดที่กำลังเป็นที่นิยมจัดเป็นแฟชั่นสัตว์เลี้ยงแสนรักที่เอ่ยถึง คือ "Nail Cap" หรือ ปลอกสวมเล็บสุนัข มีคุณสมบัติ ป้องกันการขีดข่วนของใช้ภายในบ้าน เสริมสวยแนวแฟชั่นให้กับสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะสุนัข แมว และ กระต่าย มีวิธีการใช้ที่ง่ายเพียงนำกาวทาที่เล็บสัตว์เลี้ยง และ สวม Nail Cap จะติดนาน 4-8 สัปดาห์ หลังจากนั้น จะเสื่อมสภาพหลุดออกหรือชำรุดตามการใช้งาน

ความหลากหลายของ Nail Cap มีทั้งสิ้น 4 ขนาด และมีสีให้เลือกตามความชอบมากถึง 12 สี ไม่นับรวมถึง Nail Cap ที่เพ้นต์ลวดลายต่างๆ ราวกับเล็บคนที่สามารถสร้างสรรค์จินตนาการลงไปได้

ในทุกปีการเติบโตของความนิยมสินค้าแฟชั่นสำหรับสัตว์เลี้ยงจะสูงขึ้นตามลำดับ อย่างน้อย 10-15 เปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะสินค้าสำหรับสุนัข ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดมากถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ของสัตว์เลี้ยงประเภทอื่น อีกทั้งธุรกิจนี้เติบโตได้ไม่จำกัด หากมีสายตาที่แหลมคม มองเทรนด์แฟชั่นให้ทันสมัย และประเมินสินค้าได้ถูกใจลูกค้า ร้อยทั้งร้อยธุรกิจการนำเข้าอุปกรณ์สำหรับสัตว์เลี้ยงไม่มีวันตาย

ผู้สนใจสินค้านำเข้าอุปกรณ์สัตว์เลี้ยงจากสาธารณรัฐประชาชนจีนและไต้หวัน คัดเกรด สอบถามและสั่งซื้อ เปิดช่องทางการค้าให้กับตนเองได้ที่ C.C.PET&C HEM INTERNATIONAL CO.,LTD. โทร 02-730-5832-4 และ081-318-5277


สถานที่ตั้ง เลขที่ 58 ซอยปัญญวิถี 50 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ

โทรศัพท์ (02) 730-5832-4 และ (081) 318-5277 หรือที่เว็บไซต์ www.ccpetthai.com

6/06/2011

แฟรนส์ไชส์ซูชิทอด DAIKON

อาหารญี่ปุ่นเป็นอาหารที่ขึ้นชื่อว่าเหมาะกับคนรักสุขภาพ โดยเฉพาะคนญี่ปุ่นนั้นนิยมกินปลา จึงได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีคนที่แข็งแรงอายุยืนที่สุด

ถ้าเป็นเมื่อก่อนช่วงที่อาหารญี่ปุ่นยังไม่เป็นที่นิยมแพร่หลายในเมืองไทย มีคนนิยมเฉพาะกลุ่ม ใครเข้าร้านอาหารญี่ปุ่นต้องบอกว่าเท่มาก และมีเงินล้นเหลือ ถ้ากระเป๋าไม่หนักจริงไม่มีทางเดินเข้าร้านญี่ปุ่นได้ แต่เดี่ยวนี้การตลาดกลับพลิกผันเกินคาด เมื่อคนไทยหันมาชื่นชอบอาหารญี่ปุ่นมากขึ้น ทำให้ราคาที่แพงหูฉี่เริ่มลดลงมาถึงระดับที่จับต้องได้ และถึงระหับที่คนมีเงินน้อยก็หากินได้ง่ายๆ ในที่สุด
ตลาดอาหารญี่ปุ่นทั้งระดับบนและระดับล่างมีแนวโน้มการตลาดไปได้ดีอีกยาวนาน ยิ่งเทรนด์รักษาสุขภาพอยู่ไปได้ดีอกยาวนาน ยิ่งเทรนด์รักษาสุขภาพอยู่ไปได้นานอีกนับ 10 ปี อาหารญี่ปุ่นยิ่งขายดีไม่มีตกยุค และถ้าใครอยากลุกขึ้นมาเปิดร้านอาหารญี่ปุ่น แต่ยังไม่มีไอเดีย และ know-how แล้วล่ะก็ เราว่าคุณฟังทางนี้แล้วจะมีทางเลือกดีๆ ให้คุณไม่ผิดหวัง

Love Milk ผู้ก่อตั้งแฟรนไชส์ร้านอาหารญี่ปุ่นกึ่งผับ DAIKON ที่มีซูชิรสเด็ด ยอดนิยมถึง 3 เมนูที่รับรองว่าใครได้ชิมเป็นต้องติดใจกลับมาซื้อใหม่ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แถมยังบอกต่อ (คำเตือน ขออภัยถ้าคุณอ่านตอนกำลังหิว เพราะทำให้คุณจินตนาการตามจนท้องร้องทีเดียว)

ซูชิทอด ซูชิหลายใส้ นำมาชุปแป้งทอด ตัดเป็นชิ้นเล็กๆ ละประมาณ 5-6 ชิ้น
โคโรโกะ มันฝรั่งผสมครีมซอส ถั่วแระญี่ปุ่น ปั้นเปนก้อนชุปแป้งทอดราดซอสและมายองเนส
เกี๊ยวซ่า เมนูธรรมดาที่แถมให้อีก 1 เมนูแต่อร่อยทุกครั้งที่ทาน

ลักษณะของแป้งเมื่อทอดแล้วจะกรอบนอกนุ่มในและไม่นิ่มจนเสียรถชาติ และในอนาคตก็จะมีการเพิ่มเมนูใหม่ๆ เข้ามาอีกด้วย
“เมนูส่วนใหญ่จะมาจากเพื่อนที่เป็นเชฟจากห้องอาหารญี่ปุ่นในโรงแรม ที่มาช่วยบอกสูตร ช่วยสอนเคล็ดลับให้ ดังนั้น เมนูที่เราจะนำเสนอให้กับลูกค้า จึงเป็นเมนูที่ต้องเข้าไปนั่งทานในโรงแรมหรูเท่านั้น แต่จากนี้ไปคุณสามารถที่จะซื้อไปรับประทานเองที่บ้านได้เพียงแค่เดินมาที่ร้าน Dailon ของเราเท่านั้น ส่วนการขยายแฟรนไชส์ปีนี้ตั้งเป้าจะขยายแฟรนไชส์ทั้งในรูปของเคาน์เตอร์ และรถขายอาหารได้เป็นอย่างน้อย 30 สาขา ทั่วประเทศ ซึ่งในอนาคต นอกจากแฟรนไชส์สำเร็จรูปที่เห็นแล้ว เราจะรับออกแบบตกแต่งเคาน์เตอร์และรถสำหรับการทำธุรกิจให้กับผู้ที่สนใจและชื่นชอบสไตล์การออกแบบของเรา โดยเราจะคิดธีมการทำธุรกิจให้กับคุณได้ รวมทั้งให้คำปรึกษาในเรื่องของการทำธุรกิจ เมนูการขาย และสีสันการนำเสนอหน้าร้านให้ดึงดูดใจ” แค่ 3 เมนูหลักก็เรียกน้ำย่อยให้คนรักอาหารญี่ปุ่นไปเต็มๆ ใครที่สนใจสามารถซื้อกลับไปรับประทานที่บ้านได้ เพราะมีกล่องงดงามใส่ให้ กลุ่มเป้าหมายก็จะเป็นที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่นเป็นหลัก โดยเฉพาะนักเรียนนักศึกษา


ปัจจุบันมีรูปแบบการลงทุนให้เลือกใน 2 ลักษณะด้วยกันตามความเหมาะสม และงบในกระเป๋าของนักลงทุน โดยรูปแบบแรกเป็นแบบเคาน์เตอร์ขายซูชิขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ ใช้เงินลงทุนเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 55,000 บาท ซึ่งจะเหมาะกับนักลงทุนที่มีทำเลขายของ โดยเคาน์เตอร์สำหรับการขายนั้น ได้รับการออกแบบให้มีน้ำหนักเบา สามารถเคลื่อนย้ายได้ง่ายและสะดวกเน้นการตกแต่งให้มีกลิ่นอายของร้านสไตล์ญี่ปุ่น รวมถึงชุดพนักงานที่ออกแบบมาให้เข้ากับบรรยากาศในสไตล์ญี่ปุ่น รวมถึงชุดพนักงานที่ออกแบบมาให้เข้ากับบรรยากาศในสไตล์ญี่ปุ่น ที่เน้นใช้สีขาว-ดำ เพื่อสร้างจุดสนใจอีกด้วย อีกรูปแบบหนึ่งก็คือ รถขายอาหาร คล้ายๆ กับรถกระป้อเล็กๆ ใช้งบลงทุนอยู่ที่ประมาณ 150,000 บาท ซึ่งทั้งสองรูปแบบรวมอุปกรณ์การขาย วัตถุดิบและการสอนสูตรต่างๆ สำหรับเปิดร้านได้ทันที ทั้งนี้ จะสามารถคืนทุนได้ภายใน 6 เดือน

ร้าน DAIKON ตั้งอยู่ที่ หลังเสรีเซ็นเตอร์ ซอยเสรียวิลล่า 3 โครงการเดลี่เลน เปิดบริการทุกวันตั้งแต่ 12.00-24.00 น. Tel : 082-702-0029

สำหรับผู้ที่สนใจชิม ติดต่อขอข้อมูลธุรกิจแฟรนไชส์ ซูชิทอด DAIKON
ได้ที่ เลขที่ 122 อ่อนนุช 70/1 แขวงประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพฯ 10250 โทร. 081-632-1320 หรือ Email : nu.love@hotmail.com

6/04/2011

สปาปลา

เทรนด์สปาปลากำลังมาแรง ปัจจุบัน “สปาปลา” กำลังเป็นที่นิยมกันเป็นอย่างมาก มีผู้สนใจหันมาประกอบธุรกิจสปาปลากันมากขึ้น มีผู้สนใจไปใช้บริการเพิ่มมากขึ้นเช่นด้วยกัน

สปาปลา

ภาพจากmanager.co.th

“สปาปลา” เป็นสปาที่ใช้ ปลาเป็นตัวช่วยบำบัด เช่น ปลาการารูฟา หรือ ด็อกเตอร์ฟิช บำบัด,ผ่อนคลายให้กับลูกค้า โดยการนำใส่ไว้
ในตู้ปลาหรืออ่างปลา

ให้ผู้ใช้บริการหย่อนเท้าลงไปแช่ให้ปลาว่ายเข้ามาตอด แทะกัดกินเซลล์ผิวหนังที่เสื่อสภาพแล้ว
ช่วยทำให้ ผ่อนคลาย และบำบัด เพราะ ปลาการารูฟา จะมารุมตอดเอาผิวที่ลอกและเสียออกไปจากตัวคน แม้ตอนนี้จะยังไม่มีรายงานทางด้านวิชาการที่น่าเชื่อถือ
แต่ก็เชื่อกันว่าสามารถบำบัดโรคสะเก็ดเงิน และโรคภูมิแพ้ผิวหนังได้ และเวลาที่ปลาเข้ามาตอดก็จะทำให้รู้สึกเหมือนถูกนวดกระตุ้น ช่วยให้ผ่อนคลายได้ดีมาก เช่นกัน
เชื่อกันว่า ถิ่นกำเนิด สปาปลา มาจากแถบลุ่มแม่น้ำในประเทศแถบเอเชียตะวันออกกลาง ได้แก่ ตุรกี ซีเรีย อิรัก อิหร่าน ปากีสถาน แต่ปัจจุบันได้แพร่หลายไปทั่วโลก
และที่นิยมมากสุดคือ ประเทศญี่ปุ่น ในประเทศไทยนั้น ก็กำลังได้รับความนิยมกัน แล้วเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

BangkokDrFishspa99
เราคือผู้ริเริ่มทำ สปาปลา fishspa แห่งแรกของเมืองไทย ปัจจุบันเรามีร้านสปาปลา fishspa มากกว่า 50 แห่งทั่วประเทศไทย มีประสบการณ์ ในการเปิดร้านมากกว่า 5 ปี
เรามีพื้นที่เปิดสปาปลา fishspa ในห้างใหญ่ เช่น เซ็นทรัลทุกสาขา เทสโก้โลตัส บิ๊กซี คาร์ฟูร์ ซึ่งคุณสามารถเลือกเปิดสปาปลา fishspa ได้ตามภูมิลำเนาของท่าน

- เราเปิดสปาปลา fishspa ที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก ภาคใต้ และภาคกลาง
- เราไม่ใช่ขายแฟรนส์ไชส์
- เรามีโรงงานผลิตชุดฟิชสปา และฟาร์มปลาเป็นของตนเอง
- เรามีระบบเทรนนิ่ง ที่ดีที่สุดของเมืองไทย ให้บริการสินเชื่อสปาปลา fishspa สำหรับผู้มีงบน้อย หาทำเลที่ตั้งให้กับผู้ประกอบการและที่สำคัญเราไม่ผูกมัด ไม่ขายแฟรนไชส์


สนใจธุรกิจสปาปลา ติดต่อสอบถามโทร. 082-324-8999, 084-744-4590,
084-644-4952 :www.BangkokDrFishspa99.com

5/31/2011

ธุรกิจอีเว้นท์ Event Marketing

โลกยุคปัจจุบันการแข่งขันทุกๆเรื่องมีสูงมาก และนับวันก้จะยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ การจะทำธุรกิจอะไรสักอย่าง ผู้ทำต้องคิดและวางแผนมาแล้วเป้นอย่างดี เพราะคู่แข่งทางธุรกิจของเราก้วางแผนไว้แล้วเช่นกัน การประชาสัมพันธ์ธุรกิจเป็นเรื่องที่จำเป็น วันนี้เรามาทำความรรู้จักกับ Event Marketing

คำว่ากิจกรรมทางการตลาด(Marketing Activities) หมายถึง การสร้างแรงจูงใจหรือความน่าสนใจ
เพื่อที่จะให้ทั้งสามฝ่ายคือผู้ซื้อ ผู้ขาย และตัวสินค้า ได้มีโอกาสพบกันอย่างรวดเร็ว ที่ต้องบอกว่าอย่างรวดเร็วก็เพราะความเป็นตลาดเสรีซึ่งเต็มไปด้วยการแข่งขัน ดังนั้นเจ้าของแบรนด์หรือเจ้าของสินค้าจึงต้องแสวงหากลุ่มลูกค้าของตัวเอง ด้วยความรวดเร็ว ก่อนที่จะถูกคู่แข่งแย่งไปซะก่อน

ในเมื่อการตลาดมันหมายถึงโลกระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ที่มีสินค้าเป็นสื่อกลาง ไม่มีผู้ขายก็ไม่มีผู้ซื้อ ไม่มีผู้ซื้อก็ไม่จำเป็นต้องมีตลาดที่จะต้องวางสินค้าหากว่ามันธรรมดาเช่นนั้นก็ไม่มีอะไรตื่นเต้น เหมือนตลาดสดที่มีเพียงเเม่ค้านำสินค้ามาวางโชว์ จากนั้นรอให้ลูกค้าเดินผ่านมาแล้วเลือกซื้อ ตลาดลักษณะนั้นคงเหมาะกับสินค้าประเภทบริโภคในกลุ่มแคบ แต่หากเป็นตลาดที่มีสินค้า และบริการหลากหลายและซับซ้อนเกินกว่านั้นมันคงจำเป็นต้องมีกิจกรรมที่จะสร้างความเร้าใจระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายยิ่งขึ้นกิจกรรมทางการตลาดที่เรียกว่าอีเว้นท์มาร์เก็ตติ้ง (Event Marketlng) จึงเป็นสิ่งที่นักการตลาดชอบหยิบมาใช้

ยุคที่ผ่านมาเราอาจเห็นกิจกรรมทางการตลาดไม่หวือหวานัก อาศัยหลักการโฆษณา (Advertisement) และประชาลัมพันธ์ (Pubic Relation)
ตามสื่อหลักต่างๆ ที่หวังผลได้ อย่างเช่นโฆษณาทางฟรีทีวี ทางวิทยุ ป้ายโฆษณา รวมทั้งสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ ด้วยกิจกรรมแบบพื้นๆเช่นการออกบูธ การจัดคอนเสิร์ต เป็นต้น จึงดูเป็นรูป แบบเก่าที่ถึงแม้จำเป็นต้องใช้ แต่นักการตลาดก็ต้องใช้เหตุและผลมากขึ้นกว่าเดิม ประมาณว่า...ผมมีสินค้าดีๆมาขายแต่ไม่ใช่อะไรๆ ก็จะให้โฆษณาแต่ในทีวี ในวิทยุ อยู่ท่าเดียวเรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ กับ A.E. (Account executives) ต่างๆ ด้วยนี่ครับ เพราะต่อไปจะต้องทำงานหนักและมีเหตุมีผลมาก ขึ้น อย่าขายด้วยการท่องจำเด็ดขาดกิจกรรมทางการตลาดจึง เป็นเรื่องที่ท้าทายครีเอทีฟเป็นอย่างมากเพราะมันจำเป็นที่จะต้องสรรหาสิ่งแปลกใหม่ เพื่อให้ดูทันลมัยอยู่ตลอดเวลา รวมทั้งกิจกรรมแต่ละอย่างมันจะต้องจับต้องได้ไม่ใช่มีแต่ไอเดียอย่างเดียว แต่ไม่เกิดผลตามที่ต้องการ

ดังนั้นนับจากนี้ไป ท่านจะได้เห็นกิจกรรมทางการตลาดที่ละลานตา และหมิ่นเหม่ต่อศีลธรรมยิ่งขึ้น เพื่อกระตุ้นความน่าสนใจแบบไม่ธรรมดา อะไรก็ตามที่คนไม่กล้าเล่นก็จะมีครีเอทีพบางคนนำมาเล่น อย่าง เช่นการนำเอาเรื่องที่หมิ่นเหม่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของศาสนา เรื่องของเผ่าพันธุ์สีผิว เรื่องของกษัตริย์ มาเป็นคอนเซ็ปต์นำเสนอหรืออะไรที่ออกไปทางเซ็กซ์ที่เปิดเผย อย่างเช่นมีคนเดินแก้ผ้าโปรโมทครีมกันแดด การทำปฏิทินนู้ดออกแจกกลายเป็นเรื่องปกติไปซะแล้วไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามเจ้าของแบรนด์ จึงมิควรมองข้ามความสำคัญของกิจกรรมการตลาด ซึ่งความจริงมันยังมีรูปแบบที่หลากหลาย แล้วแต่นักการตลาดจะหยิบขึ้นมาใช้ให้ เหมาะกับสินค้า และสถานการณ์ของตน รวมทั้งงบประมาณที่จะต้องใช้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น การจัดประกวด การจัดการแข่งขัน การจัดฉลอง การทำแรลลี่ การสัมมนา เป็นต้น ถ้าสามารถสร้างสรรค์ได้ดี
กิจกรรมที่ทำนั้นมีค่าควรแก่การเป็นข่าว จะได้สื่อมวลชนมาเป็นพวก และได้ลงข่าวแบบฟรีมีเดียเหนือสิ่งอื่นใด การจัดกิจกรรมแบบนี้สามารถเกิดการขายในบริเวณกิจกรรมนั้นๆ ได้ด้วย

เมื่อใดจึงถึงเวลาจัดอีเว้นท์มาร์เก็ตติ้ง
1. เมื่อต้องการเป็นข่าวหรือต้องการเปิดตัวสินค้าใหม่ เพราะอย่างที่บอกละครับ เมื่อเกิดการจัดกิจกรรมก็มักจะมีการเชิญสื่อมวลชนมาทำข่าว ซึ่งก็จะได้ข่าวประชาสัมพันธ์ฟรี โดยยังไม่ต้องเร่งลงทุนทำสื่อโฆษณา
2. เมื่อเรารู้สึกว่าสินค้าของเราเริ่มนิ่ง หมายถึงยอดขายตกหรือเรียบเสมอ จำเป็นทีเราจะต้องสร้างความตื่นเต้นซะหน่อย
3. เมื่อเราต้องการทำโปรโมชั่นที่ต้องการความแรง โดยมุ่งหวังให้เข้าถึงกลุ่มโดยตรงหรือเข้าถึงอย่างรวดเร็วชนิดประชิดตัว
4. เมื่อเราต้องการแต่งตัวหรือสร้างภาพลักษณ์สินค้าใหม่
5. การจัดกิจกรรมการตลาด ถึงแม้มุ่งหวังที่กลุ่มลูกค้า แต่ความจริงจะได้ความกระตือรือร้นของพนักงานในองค์กรด้วย ถือเป็นการกระตุ้นต่อมแห่งความกระตือรือร้นของพนักงานไปในตัว

โดยเราจะต้องพร้อมในเรื่องต่างๆก่อนจัดกิจกรรมดังนี้
1. พร้อมเรื่องของคอนเซ็ปต์(concept) ในการจัดงาน การจัดกิจกรรมการตลาดที่ดีนั้นจะต้องเข้าใจคำวาคอนเซ็ปต์เพราะมันคือหัวข้อเรื่องที่จำเป็นจะต้องกำหนดให้โดนหรือตรงใจกับกลุ่มที่เราต้องการ
2. พร้อมในเรื่องงบประมาณเพราะการจัดกิจกรรมการตลาดแต่ละครั้งไม่ว่าจะเป็นลักษณะใดจะใช้เงินค่อนข้างสูง
3. พร้อมในเรื่องทีมงาน หมายถึง ทีมงานที่เข้าใจในกิจกรรมประเภทนี้นะครับยกตัวอย่างแค่โฆษกของงานก็พอ หากไม่เก่ง ไม่เร้าใจ ไม่ทันสมัยแล้วละก็จบข่าวกันรวมทั้งบรรดาพริทตี้ (Pretty)นั่นด้วย จะต้องคัดสรรเป็นอย่างดีหากต้องมี
4. พร้อมในเรื่องการประสานงาน ไม่ว่าจะเป็นกับเจ้าของสถานที่ กับสื่อมวลซน กับข้อห้ามต่างๆ อีกมากมายโดยเฉพาะการจัดในบริเวณที่สาธารณะ
5. พร้อมในเรื่องของผลจากการจัดงาน หมายถึงแต่ละฝ่ายในองค์กรจะต้องพร้อมไม่ว่าจะเป็น สต็อกสินค้า การขนส่งฯลฯ เป็นต้น หากกิจกรรมที่เราจัดมันเวิร์คขึ้นมาจะทำอย่างไรให้ทันกับ
กระแส ลองถามตัวคุณในฐานะที่เป็นเจ้าของแบรนด์ดูซิครับ ว่าถึงเวลาที่จะสนุกหรือยัง

5/28/2011

ทำผักดองขาย

ใครที่ยังตกงาน หรือต้องการหารายได้พิเศษทำ ขายผักดอง ทำส่งตามร้านอาหารหรือตลาดก็ได้เลยครับ
การทำผักดองนั้นบางท่านอาจจะบอกว่า ซื้อกินดีกว่าสะดวกดี แต่อย่าลืมนะครับว่า ทำเองก็สะอาดกว่าเหมือนกัน แถมยังช่วยเราประหยัดได้ ถ้าทำขายยิ่งดี มีรายได้เพิ่ม
มั่นใจได้ เพราะทำเองกับมือ จะสกปรกก็อยู่ที่ตัวเองแล้ว สำหรับการทำผักดองนั้น มีข้อแนะนำว่า อาจจะหาขวดแก้วสวย ๆ ผูกโบ อะไรทำนองนั้น หรือจะทำแจก ผู้รับก็ยินดี
ก่อนจะทำขายหรือแจก ควรทดลองชิม กินเองสัก 1-2 ครั้ง ก่อน เพื่อความมั่นใจในรสชาติ วันนี้ มีสูตรผักดองมาฝาก 3 อย่างครับ ทดลองทำตามได้ไม่ยากเย็นอะไร


1.ผักกาดเขียวปลีดอง

ส่วน ผสม
1.ผักกาดเขียวปลี 1 กิโลกรัม
2.เกลือ 75 กรม
3.น้ำ 1 ลิตร
4.น้ำตาลทราย 1ช้อนโต๊ะ
5.เกลือสำหรับเคล้าผัก 40 กรัม
วิธีทำ
1.ล้างผักกาดให้สะอาด นำไปตากให้เหี่ยวเคล้าเกลือให้ทั่ว
2.ต้มน้ำเกลือ (เกลือ75 กรัม/น้ำ1 ลิตร)ให้เดือด ทิ้งไว้ให้เย็น
3. เอาผักใส่ไห หรือโหล เทน้ำเกลือทีเตรียมไว้ลงไปให้ท่วม เก็บไว้ 10-15 วันประทานได้
ตอนนี้คนตกงานมากงานลักษณะนี้ จึงได้รับความสนใจสูงทีเดียว

2.ขิงดอง
ขิงดอง ดูจะเป็นเครื่องเคียงกับไส้กรอกอีสานที่พื้นที่สุด ที่ว่า ขิงดอง นำมาแกล้มกับอาหารตาง ๆ ได้รส
ชาติ เช่นกันขิงดองที่เห็นมีสีออกแดง ๆ นั้น บางเจ้าใส่สีเสียจนเว่อร์ ดูน่ากลัวมากกว่าค่ากิน แต่สูตรขิงดองวันนี้ มีสีออกชมพูเรื่อๆ
สวยเชียว แถมไม่ใส่สานกันเสียด้วย ขิงดอง ก่อนอื่นคุณต้องเตรียมส่วนผสมเหล่านี้

1.ขิงอ่อนเป็นแง่ง ๆ สัก 1 กิโลกรัม
2.น้ำตาลทรายสัก200 ขีด
3.เกลือ 3-4 ช้อนโต๊ะ
4.มะนาวอีก 3 ผลใหญ่

วิธีทำ
1.เริ่มต้นล้างขิงให้สะอาด แล้วหั่นตามยาวบาง ๆ (บา้งใที่สุดเท่าที่จะบางได้ แต่ไม่ใช่หั่นฝอย)
2.นำมาเคล้ากับเกลือเคล้าจนขิงนิ่ม แล้วล้างน้ำ บีบน้ำออกวางผึ่งในตะแกรงไว้
3.นำขิงใส่ภาชนะ บีบมะนาวให้ทั่ว วิธีนี้ขิงจะออกสีแดง ๆ โดยไม่ต้องใช้สีหรือน้ำส้มสายชู มะนาวจะเป็นตัวทำให้เปรี้ยว
4.น้ำเชื่อมที่จะใช้ดองขิง ประกอบด้วย น้ำ 1 ถ้วยตวง น้ำตาล200 กรัม เกลือ 3 ช้อนชา ผสมกันจนเข้ากันดี
หาขวดแก้วสะอาด ๆ มีฝาปิด เรียงขิงในขวดแก้วเทน้ำเชื่อมที่เตรียมไว้ ปิดฝาให้สนิท แช่ไว้ในตู้เย็นจะ
เก็บไว้ได้นาน

3.ทำผักดอง 3 รส
ผักดอง 3 รสนั้นทำกินง่าย ทำขายรวย ถามถึงกิมจิ หรือผักดองที่กินแก้เลี่ยนได้ดี ทำมาจากผักกาดหางหงส์ เป็นสูตรของเกาหลี และต้องมีเครึ่องปรุงที่ค่อนข้างยุ่งยาก ในระดับนี้
เรามาทำแค่ผักดอง 3 รส ก่อนดีกว่า

ส่วนผสมของผักดอง 3 รส มีดังนี้
1. หัวผักกาด1 กิโลกรัม
2. แคร์รอต 300 กรัม
3. หอมแดง 200 กรัม
4. พริกชี้ฟ้า เขียว แดง เหลือง 200 กรัม
5. น้ำตาลทราย 4 ถ้วยตวง
6.น้ำส้มสายชู 3 ถ้วยตวง
7. เกลือ ? ถ้วยตวง
8. น้ำ ? ถ้วยตวง

วิธี ทำ
1.ล้างหัวผักกาดให้สะอาด ปอกเปลือก หั่นเป็นแท่งยาว ขนาด 2 นิ้ว
2.ปอกหอม ผ่าครึ่ง พริกล้าง หั่น 3-4 ท่อนแครอตหั่นเหมือนหัวผักกาด
3.นำผักไปแช่กรดมะนาว 5 % (กรดมะนาว 5 กรัม ในน้ำ1 ลิตร) นาน 20 นาที
4. จากนั้นแช่ในแคลเซียมคลอไรด์ 5 %(แคลเซียมคลอไรด์ 5 กรัม ในน้ำ 1 ลิตร) นาน 20นาที
5.เมื่อแช่แล้วนำผักไปลึกในน้ำเดือด แคร์รอตลวกสัก 2 นาที ส่วนผักอื่น ๆ 1 นาที นำขึ้นผึ่งในตะแกรงวางให้สะเด็ดน้ำ
6. เตรียมน้ำเชื่อมโดยผสมน้ำ น้ำตาลทราย น้ำส้มสายชู และเกลือ เข้าด้วยกัน นำไปต้ม ทั้งให้เย็น
7. เรียงผักในขวดโหล เทน้ำเชื่อมลงไป ใช้ถุงพลาสติกปิดทับ และนำถุงพลาสติกอีกใบใส่น้ำทับไว้เพื่อ
ไม่ให้ผักลอยขึ้นมา (ถุงใบแรกกันเมื่อน้ำในถุงแตกจะได้ไม่ลงไปปนในน้ำผักดอง) 3 วัน นำขึ้นมากินได้

5/23/2011

ธุรกิจร้านกาแฟสด

การเปิดร้านกาแฟสดนั้น ต้องศึกษาข้อมูลให้มีความรู้ความเข้าใจเป้นอย่างดี ก่อนลงมือเปิดร้านเราต้องมีความพร้อนในทุกๆด้าน
การหาความรู้เกี่ยวกับธุรกิจเป็นเรื่องจำเป็น ที่ต้องหมั่นศึกษาพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา หากเราไม่มีเวลาศึกษาก้ควรเลือกใช้แฟรนไชส์ร้านกาแฟเพราะแฟรนไชส์ถูกเซตขึ้นมาได้ต้องเกิดจากประสบการณ์ และความเข้าใจในธุรกิจกาแฟเป้นอย่างดี เราไม่ต้องเสียเวลาหาความรู้หรือลองถูกลองผิดเอง

แต่หารเลือกแฟรนไชส์ ตาต้องถึงเลือกให้ดี วันนี้ขอเสนอ

TODDY Coffee

แฟรนไชส์ ร้านกาแฟสด ราคา 39,000 บาท
ระยะเวลาคืนทุน 2 เดือน

โอกาสนี้ไม่ควรพลาด
แฟรนไชส์ราคาถูก วัตถุดิบและอุปกรณ์ครบ พร้อมพื้นที่ขาย

สิทธิที่ได้รับ
1. ฟรี! ค่ารอยัลตี้
2. ฟรี! ค่าแฟรนไชส์ฟรี
3. ฟรี! สอนสูตรกาแฟและเครื่องดื่มอื่นๆ กว่า 200 ชนิด

ข้อมูลบริษัท
ToDDy Coffee co.ltd.
•ผู้ผลิตเมล็ดกาแฟสด ชาเขียว ช็อกโกแลต ครีมเทียม ภายใต้แบรนด์ ToDDy
•รับผลิสินค้าเกี่ยวกับกาแฟสดให้แบรนด์ต่างๆ
•จำหน่ายวัตถุดิบเกี่ยวกับกาแฟสดทุกชนิดในราคาโรงงาน
•รับปรึกษาการทำธุรกิจกาแฟสดโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น


ค่าเช่าถูก รายได้ดี ไม่ต้องเหนื่อยหาทำเล เพราะบริษัทประสานงานให้ทั้งหมด
บริษัทมีทำเลให้เลือกมากมาย หน้า Lotus Express หลายสาขา เช่น สาขาอ่อนนุช สาขาบางบัวทอง เป็นต้น

ราคากาแฟสด ToDDy Coffee
*โรบัสต้า 210 บาท/กก.
*มอคค่า 300 บาท/กก.
*เอสเพรสโซ่ 230 บาท/กก.
*อราบิก้า 310 บาท/กก.

สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับการลงทุนได้ที่ บริษัท ท๊อดดี้ จำกัด
(สำนักงาน) ที่อยู่ 251/50 ซ.ถาวรวิลล่า ถ.พหลโยธิน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม. 10200
โทร. 02-972-9818-9 แฟกซ์ 02-972-9820 หรือ www.tarad.com/toddy_coffee

5/20/2011

สยามเวนดิ้ง เครื่องเติมเงินมือถือ

สยามเวนดิ้ง เครื่องเติมเงินมือถือ
ธุรกิจบริการประเภท ‘เครื่องหยอดเหรียญ’ กำลังได้รับความนิยมและเติบโตเพื่อตอบสนองรูปแบบการใช้ชีวิตที่เร่งรีบของคนยุคปัจจุบันได้อย่างน่าพอใจ จึงทำให้ตลาดธุรกิจนี้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีเครื่องให้บริการหลากหลายยี่ห้อ สำหรับในแง่นักลงทุนแล้ว เครื่องหยอดเหรียญอัตโนมัติ ทำหน้าที่เสมือน ‘เครื่องผลิตเม็ดเงิน’ ที่สามารถทำงานได้อย่างคุ้มค่าตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่จำเป็นต้องมีบุคลากรหรือพื้นที่ในการให้บริการมาก
อดีตสยามเวนดิ้งเคยเป็นโรงงานผลิตเครื่องเติมเงินมือถือหยอดเหรียญแบบ OEM ให้กับบริษัทแห่งหนึ่งมานานกว่า 3 ปี ด้วยประสบการณ์บวกกับความเชี่ยวชาญด้านการผลิต ทำให้วันนี้สยามเวนดิ้งมีความพร้อมสำหรับการสร้างแบรนด์เครื่องเติมเงินมือถือหยอดเหรียญของตนเอง ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดที่ผ่านการคิดค้นและพัฒนาจนเป็นสินค้าที่มีมาตรฐานและคุ้มค่าต่อการลงทุนเป็นที่สุด โดยออกมาทั้งหมด 4 รุ่น ได้แก่
รุ่นไชโยท็อปอัพ..รับเหรียญและคืนเหรียญ ราคาย่อมเยา บริหารจัดการง่าย ซื้อไปติดหน้าบ้าน หน้าร้านได้สะดวกและทำกำไรได้ดี
รุ่นฟรีดอมท็อปอัพ..รับแบงค์และรับเหรียญ หน้าจอใหญ่ ถึง 6 นิ้ว อำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า เหมาะกับผู้ที่ตั้งใจจริง
รุ่นสวัสดีท็อปอัพ..มีลักษณะคล้ายตู้ ATM รูปร้าง สวยงามสะดุดตา รับแบงค์และรับเหรียญและสามารถคืนเหรียญคืนแบงค์
รุ่นตั้งโต๊ะ..สามารถเติมเงินมือถือได้ 3 ระบบ พร้อมบริการ MPAY STATION BY AIS จุดจ่ายบิล โอนเงิน ถอนเงิน สะดวกทุกที่
ทั้ง 4 รุ่น ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองผู้ใช้บริการในทุกพื้นที่ และความต้องการของนักลงทุนทุกกลุ่ม ผลิตจากอุปกรณ์คุณภาพสูง เช่น Wavecom โมดูลจากประเทศฝรั่งเศส, ชุดรับธนบัตรและชุดรับเหรียญจากประเทศไต้หวัน (ICT), หน้าจอ LCD Super Bright (VISHAY จากประเทศไต้หวัน), ปุ่มกด 16 ปุ่มขนาดใหญ่แข็งแรงทนทานทำจากอลูมิเนียม ทำให้ประหยัดค่าบำรุงรักษาในระยะยาว โรงงานเหล็กได้มาตรฐาน ISO, โรงงานประกอบบอร์ดใช้เครื่อง CNC ลงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด ซึ่งลูกค้าสามารถทดสอบเครื่องได้ที่สยามเวนดิ้ง
จุดเด่นของตัวแทนจำหน่ายสามารถจัดหาซิมให้กับลูกค้า และยังสามารถจัดผลประโยชน์ให้กับดีลเลอร์ของสยามเวนดิ้ง ตามเงื่อนไขได้จริง ด้วยระบบธรรมาภิบาลสามารถตรวจสอบได้ เป็นผู้ผลิตและพัฒนาซอฟแวร์เองทั้งหมด จึงหมดปัญหาเกี่ยวกับการบริการหลังการขาย
เพิ่มชุดเซนเซอร์ อธิบายด้วยเสียงภาษาไทยอัตโนมัติทุกขั้นตอน ระบบกันขโมยมีเสียงไซเรนเมื่อมีคนมางัดเครื่องพร้อมทั้งยัง SMS แจ้งเจ้าของเครื่องให้ทราบได้ในทันที
ผู้ที่สนใจเป็นเจ้าของเครื่องเติมเงินหยอดเหรียญทั้ง 4 รุ่นนี้ เพียงคุณมีเงินลงทุนเริ่มต้นที่ 32,000 บาท เท่านั้น ส่วนผลตอบแทนหลังจากติดตั้งเครื่อง รายได้ส่วนแรกมาจากค่าบริการในการเติมเงินต่อครั้ง ซึ่งเมื่อเจ้าของเครื่องสามารถกำหนดได้เอง ส่วนรายได้ส่วนต่อมาคือ รายได้จาก Operator เจ้าของระบบซึ่งแต่ละระบบจะมีความแตกต่างกัน คือระบบ True 6.5%, Happy 3.5%, 1 2 call ถ้ายอดขายไม่ถึง 300 ต่อวันจะได้ 3.0% ถ้ามากกว่า 300 บาทต่อวันจะได้ 3.5%
ส่วนต้นทุนในการนำเครื่องไปให้บริการนั้นจะมีในส่วนของค่าไฟ ค่าเช่าพื้นที่ และต้นทุนในการเติมเงินเข้าระบบ ดังนั้นหลังหักค่าต้นทุนต่อเดือนแล้ว จะเหลือเป็นรายได้ในส่วนของกำไร ประมาณ 5,000/เดือน และสามารถคืนทุนได้ประมาณ 4-6 เดือน ขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้ง
สำหรับผู้ที่สนใจชมตัวอย่างสินค้า ติดต่อได้ที่ ห้างหุ่นส่วนจำกัด สยามเวนดิ้ง 51 ซอยรังสิต-ปทุมธานี 10 ตำบลประชาธิปัตย์ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี 12130 โทร.0-2958-2334 แฟกซ์ 0-2516-8947 หรือที่:www.siamvending.co.th

5/11/2011

ขายขนมไข่นกกระทาทอด

ขนมไข่นกกระทา ทอดร้อนๆเหลืองๆหอม วางซ้อนกันพูนๆบนถาด ผู้คนผ่านไปมาเจอต้องหยุดซื้อกันทันที ยิ่งเจ้าที่แป้งนอกกรอบข้างในนุ่ม อร่อย คนเข้าแถวต่อซื้อกัน ทำให้ทอดแทบไม่ทันกันเลยทีเดียว

วันนี้เลยอยากจะชวนท่านที่กำลังว่างงานหรือกำลังมองหาอาชีพเสริม เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับตัวเองในช่วง หลังเลิกงาน หรือเวลาว่าง ลองมองหาทำเลดีๆ ใกล้ชุมชน ใกล้ตลาด โรงเรียน หรืตามเปิดท้าย ก็น่าจะขายดี
ขนมไข่นกกระทานั้นวิธีการทำไม่ยุ่งยาก ส่วนผสมก็ไม่มาก สมารถทำเสร็จได้ไม่นาน วันนี้มีสูตรขนมไข่นกกระทาทอดมาฝากให้ทดลองทำกันดูครับ

ขนมไข่นกกระทา

ขอบคุณภาพจาก atcloud.com/

อุปกรณ์ที่จำเป็นในการทำขนมไข่นกกระทาทอด : เตาแก๊สพร้อมถัง กระทะ ตะแกรงทอดมีด้าม ไม้ปลายแหลม ถาดหม้อ หรือกะละมัง ถุงกระดาษ รถเข็น หรือโต๊ะพับ

สูตรขนมไข่นกกระทาทอด

ส่วนผสม
-แป้งมัน 500 กรัม
-แป้งสาลี 2 ช้อนโต๊ะ
-เกลือป่น 1 1/2 ช้อนชา
-มันเทศต้มจนสุก 800 กรัม
-น้ำตาลทราย 5 ช้อนโต๊ะ
-น้ำปูนใสเล็กน้อย
-งาขาวใช้สำหรับโรยหน้า

วิธีทำ
1.นำแป้งมัน, แป้งสาลี, น้ำตาลทราย, และเกลือผสมคลุกเคล้าให้เข้ากัน
2.จากนั้นนำไปผสมกับมันเทศนึ่ง แล้วใส่น้ำปูนใสลงไปนิดหน่อย ขยำส่วนผสมจนเข้ากันดี จึงปั้นเป็นลูกกลมๆ
3.ตั้งน้ำมันในกระทะเตาใช้ไฟปานกลาง รอจนน้ำมันร้อนได้ที่ จึงใส่แป้งที่ปั้นไว้แล้วลงไปทอด คอยกลับสม่ำเสมอ อย่าให้ไหม้
4.เมื่อสุกเหลืองดี ตักออกมาสะเด็ดน้ำมัน ทิ้งไว้ให้เย็น (โรยหน้าด้วยงาขาว) เตรียมใส่ถุงขายได้

** หากจะนำ เผือกทอด มันทอด หรือกล้วยทอด มาเสริมด้วยจะยิ่งดี เพราะจะทำให้ลูกค้ามีทางเลือกหลายอย่าง

5/10/2011

การแต่งหน้าร้านให้รวย

การตกแต่งร้านนั้น ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามเพราะ หน้าตาของร้านเป็นจุดที่เชิญชวนให้ลูกค้าจะเข้าหรือจะเดินผ่านร้านเราไป การตกแต่งร้านที่ดีนอกจากจะเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจแล้ว หน้าตาของร้ายังเปรียบเสมือนการโฆษณาประชาสัมพันธ์ร้านที่ดีที่สุด ซึ่งแน่นอนว่ามันสามารถช่วยสร้างยอดขายได้ หรือที่นักการตลาดเรียกว่า The Silent Salesperson อย่างไรก็ตามการออกแบบไม่ได้หมายถึง เรื่องของรูปแบบหรือหน้าตาของร้านเพียงอย่างเดียว แต่การออกแบบหมายรวมถึง การจัดวาง การกำหนดตำแหน่งเพื่อประโยชน์ใช้สอยสูงสุดการสร้างบรรยากาศโดยรวมให้เกิดความเหมาะสมและลงตัว การก่อให้เกิดความทรงจำ การกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกที่สอดคล้องกับธุรกิจนั้นๆ เช่น ร้านจำหน่ายเสื้อผ้า ต้องตกแต่งร้านให้ลูกค้าเข้ามาแล้วเกิดความรู้สึกว่า ต้องซื้อกลับไปให้ได้หรือ ร้านอาหารที่เห็นแล้ว อดไม่ได้ที่จะแวะเข้าไปสั่งอะไรมาทาน ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องของไอเดีย หรือแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์เหล่านี้ ไม่ได้เป็นพรสวรรค์ที่เจ้าของธุรกิจมีกันได้ทุกคน ดังนั้น หากผู้ประกอบการไม่มีความรู้ด้านการออกแบบ หรือยังไม่มั่นใจทางออกที่ดีที่สุดก็คือ ต้องหันหน้าเข้าหานักออกแบบ และนักออกแบบเองจะปฏิบัติหน้าที่ได้ดียิ่งขึ้น หากให้ความไว้วางใจในการขอรับคำปรึกษาแนะนำจากนักการตลาด ผู้ซึ่งมีความรู้ด้านพฤติกรรมการจับจ่ายให้สอยของลูกค้า เมื่อ 2 ศาสตร์มารวมกัน จึงเป็นคำตอบที่ดีว่า จะทำอย่างไรให้บรรยากาศของร้าน มีผลในเชิงบวกต่อการตัดสินใจซื้อของผู้ที่เข้ามาเยือน

ความรู้และเทคนิคในการออกแบบตกแต่งร้านนั้นมีอยู่มากมาย โดยแนวทางหลักในการออกแบบตกแต่งที่ทุกๆ ธุรกิจจำเป็นจะต้องคำนึงถึงมีดังต่อไปนี้

1.สร้างภาพลักษณ์ในเชิงบวกต่อธุรกิจ การออกแบบที่ดีนั้น ผู้ออกแบบจะต้องสื่อความหมายและโชว์ตัวตนของแต่ละธุรกิจให้ได้ผู้เขียนเคยเห็นการตกแต่งหน้าร้านของคลินิกความงามแห่งหนึ่งที่ใช้ภาพถ่ายหญิงสาวขนาดใหญ่มาติดไว้หน้าร้าน ซึ่งนอกจากภาพดังกล่าวจะไม่บ่งบอกให้ผู้พบเห็นได้เข้าใจถึงบริการสร้างความสวยงามของคลินิกแห่งนั้นได้แล้ว ยังพาลให้เข้าใจไปอีกว่า สถานที่แห่งนั้นน่าจะเป็น อาบอบนวด มากกว่าคลินิกเสริมความงาม สิ่งเหล่านี้จึงเป็นข้อควรระวัง เพราะผู้ประกอบการต้องถึงระลึกอยู่เสมอว่า หากไม่สามารถสร้างภาพลักษณ์ในเชิงบวกให้เกิดขึ้นกับธุรกิจได้ ก็ไม่สามารถสร้างความประทับใจและไม่สามารถกระตุ้นให้ผู้พบเห็นเข้ามาซื้อสินค้าหรือใช้บริการได้เช่นเดียวกัน

2.สอดคล้องกับรสนิยมของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ทั้งในแง่ของช่วงอายุ เพศ สถานะ ฯลฯ เพราะไลฟ์สไตล์ของคนแต่ละกลุ่มนั้นแตกต่างกัน ดังนั้น ผู้ออกแบบจำเป็นต้องวิเคราะห์ด้วยว่าลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของธุรกิจนั้นมีความต้องการอย่างไร และต้องทำสิ่งใดเพื่อตอบสนองเข้าให้ได้มากที่สุด เช่น หากลูกค้าเป้าหมายเป็นกลุ่มวัยรุ่น การออกแบบจะต้องเน้นความแปลกใหม่ แสดงออกถึงจินตนาการ สีที่เลือกใช้ก็ต้องดูสดใส แต่ถ้าหากกลุ่มเป้าหมายเป็นคนวัยผู้ใหญ่ การตกแต่งร้านต้องเน้นความมีเหตุมีผล สะอาด สะอ้าน เป็นระเบียบเรียบร้อย ทั้งนี้ทั้งนั้น อาจมีกานำแสง สี กลิ่น เสียง ที่เหมาะสมกับรถนิยมของคนแต่ละกลุ่มมาใช้เรียกความสนใจจากลูกค้าด้วย

3.แสดงถึงจุดขาย หรือจุดเด่นของร้าน เพื่อให้เกิดการจดจำจุดเด่นในที่นี้สามารถแสดงออกได้ทั้ง สีของร้าน โลโก้ ป้ายหน้าร้าน วอลล์เปเปอร์ การจัดดิสเพลย์ รูปแบบของเฟอร์นิเจอร์ วิธีการจัดเรียงสินค้า หรือแม้กระทั่งเครื่องแต่งกายของพนักงาน ซึ่งผู้สร้างสรรค์จะต้องมีแนวความคิดที่แตกต่าง อาจจะไม่ถึงขั้นแหวกแนวสุดกู่ แต่การมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวก็สามารถสร้างปรากฎการณ์ที่น่าทึ่งให้แก่ผู้พบเห็นได้

4.เกิดประโยชน์ใช้สอยสูงสุด หมายถึง การออกแบบเพื่อให้มีความเหมาะสมกับการใช้งาน และสามารถใช้พื้นที่ได้อย่างคุ้มค่า มีประสิทธิภาพและมีความสะดวกสบาย ไม่มีจุดบอดหรือจุดอับ โดยในส่วนนี้จำเป็นต้องกำหนดตั้งแต่การเริ่มวางแผงผังของร้านอย่างเช่น การจัดเส้นทางให้ลูกค้าได้เดินดูสินค้าครบทุกจุดของร้าน ลูกค้าสามารถเดินจากหน้าร้านวนเข้าไปหลังร้าน แล้วเดินออกมาได้อย่างคล่องตัว ซึ่งทำให้ลูกค้าได้เดินดูสินค้าครบถ้วนหรือการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ ข้าวของเครื่องใช้ภายในร้าน หรือ Prop ต่างๆ ที่นอกจากจะมีมิติที่สวยงาม กลมกลืนกับบรรยากาศโดยรวมแล้ว ยังต้องมีความเป็นระเบียบ เพื่อประโยชน์ในการใช้สอย สะดวก และปลอดภัย

5.นำไปสู่การสร้างแบรนด์ เมื่อความสวยงามของร้านสามารถสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าได้แล้ว นานวันเข้าจะทำให้ลูกค้ารู้สึกผ่อนคลาย สนิทสนม เหมือนการแวะเข้ามาทักทายเพื่อนผู้รู้ใจ เมื่อลูกค้าเกิดความประทับใจทั้งการจัดตกแต่งร้านและการให้บริการย่อมจะเกิดการบอกต่อแบบปากต่อปาก เท่ากับว่าเกิดการประชาสัมพันธ์ในวงกว้าง โดยที่เจ้าของไม่ต้องลงทุนแม้แต่บาทเดียว เมื่อความนิยมมีมากขึ้น แบรนด์ของธุรกิจนั้นๆ ก็จะยิ่งแข็งแกร่งและหากเจ้าของธุรกิจรู้จักสะสม รักษา และพัฒนาชื่อเสียงอย่างต่อเนื่อง แบรนด์ดังกล่าวก็จะถูกกล่าวถึงอย่างยั่งยืน

6.อยู่ในงบประมาณที่เหมาะสม การออกแบบไม่ใช่การฝันลมๆ แล้งๆ แต่เป็นหนึ่งในกิจกรรมทางธุรกิจที่เป็นจริง ชัดเจน และแตะต้องได้ ดังนั้น ค่าใช้จ่ายเรื่องของการออกแบบต้องควบคุมได้ไม่มั่วและไม่บานปลาย ดังนั้นในช่วงที่มีการตกแต่งร้าน ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นผู้รับเหมา เจ้าของเงิน หรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่างๆ จำเป็นจะต้องพูดคุยและเข้ามาสัมผัสหน้างานให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ หากมีการร่างสัญญารับเหมา ซึ่งมีข้อตกลงในเรื่องใดๆระหว่างผู้ว่าจ้างและผู้รับจ้าง ก็ต้องระบุในสัญญาอย่างละเอียดมีการระบุชนิดของวัตถุดิบ หน่วยนับ ราคาต่อหน่วย คำสั่งงานทุกอย่างให้ชัดเจน เพื่อป้องกันปัญหาความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนของทุกฝ่ายและเป็นส่วนที่จะช่วยควบคุมงบประมาณตามแผนได้เป็นอย่างดี

นอกจากแนวทางพื้นฐานดังที่กล่าวไปแล้ว ผู้ประกอบการบางท่านอาจจะมีความเชื่อในเรื่องของฮวงจุ้ย ซึ่งก็สามารถนำศาสตร์ดังกล่าวมาผสมผสานเพื่อแก้ไขจุดบกพร่องในทำเลต่างๆ รวมทั้งเสริมสร้างความมั่นใจให้กับเจ้าของธุรกิจได้ หลายท่านพบว่าการตั้งตู้ปลา หรือน้ำพุเล็กๆ เอาไว้ ช่วยให้การค้าขายดีขึ้น หรือร้านอาหารที่ใช้โต๊ะทานอาหารทรงกลม และจัดเรียงโต๊ะไม่ให้แน่นเกินไป เพราะมีความเชื่อว่า เพื่อให้พลังซีไหลเวียนภายในร้านได้สะดวก ซึ่งต้องยอมรับว่า แม้แต่แบรนด์ใหญ่อย่าง แมคโดนัลด์ ก็ยังใช้ฮวงจุ้ยในการตกแต่งร้าน เพื่อหวังเพิ่มยอดขายในลอสแองเจลิสและแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นเมืองที่มีลูกค้ามากเช่นเดียวกัน
สำหรับเทรนด์ในการตกแต่งร้านต่างๆ นั้น ผู้เขียนขอยกตัวอย่างธุรกิจ 5 ประเภท มาให้ท่านผู้อ่านได้ลองศึกษาดู ส่วนใครจะตกแต่งร้านของตนให้เป็นสไตล์ไหนนั้น ก็ขอให้พิจารณาตามความเหมาะสมของทำเล กลุ่มเป้าหมาย และเงินทุนในกระเป๋า

หวังว่าเทคนิคง่ายๆเหล่านี้จะช่วยเพิ่มยอดขายให้คุณๆ ที่กำลังคิดจะจัดร้านเพื่อเพิ่มยอดขายกันนะครับ

5/06/2011

โดนัท Daddy Dough

โดนัท Daddy Dough
Daddy Dough โดนัทระดับพรีเมี่ยม ของคนไทยรายแรกและรายเดียว วันนี้สามารถขยายสาขาได้กว่า 6 สาขา และมีแนวโน้มว่า ร้านโดนัทของคนไทยรายนี้น่าจะสู้กับแบรนด์ดังของต่างชาติได้เลยทีเดียว

Daddy Dough เกิดขึ้นจากแนวคิดบนโต๊ะเล็กๆ ที่คุณปีเตอร์และครอบครัว คุยกันว่า ทำไมร้านโดนัทร้านนั้น ถึงมีคนต่อแถวซื้อกันเยอะง เพื่อนคุณพ่อที่นั่งอยู่ด้วยเขาก็บอกว่า ที่ประเทศประเทศสหรัฐอเมริกาก็มีโดนัทแบรนด์หนึ่ง มีคนต่อแถวซื้อเหมือนกัน หลังจากนั้นก็คิดกันว่าทำไมเราไม่ลองเปิดร้านเบเกอรี่เล็กๆ ขึ้นมาสักร้าน
เพราะในอดีตคุณพ่อคุณแม่ท่านก็เคยเปิดร้าเบเกอรี่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกามาก่อน และก็มีสูตรแป้งของตัวเองด้วย อีกอย่างเท่าที่ผมได้ยินมา ร้านค้าหรือแบรนด์สินค้าอะไรก็แล้วแต่ ถ้าหากมีแค่ 2 ร้าน ในทางการตลาดเขาบอกว่ามันยังไม่บาลานส์ แต่ถ้ามี 3 ร้าน หรือ 3 แบรนด์ เขาบอกว่ามันจะพอดี เมื่อมามองถึงตลาดโดนัทในบ้านเรา ก็มีแข่งกันแค่ 2 แบรนด์เท่านั้น ถ้ามี Daddy Dough เป็นแบรนด์ที่ 3 ก็น่าจะสร้างทางเลือกให้กับผู้บริโภคได้มากขึ้น

โดนัท Daddy Dough

หลังจากที่มองว่าตลาดโดนัทในบ้านเรา น่าที่จะสามารถเติบโตได้อีกมาก จากนั้นคุณปีเตอร์และครอบครัว จึงตัดสินใจทดลองเปิดร้านเบเกอรี่เล็กๆ ขึ้น
โดยอาศัยพื้นที่ข้างร้านอาหารย่านสีลมเป็นสถานที่ตั้ง แต่สำหรับร้านโดนัทขนาดเล็กที่เพิ่งเริ่มเปิดใหม่ อีกทั้งในตลาดก็มีเจ้าตลาดหรือแบรนด์ ซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายอยู่แล้ว ดังนั้น การสร้างแบรนด์หรือการตั้งชื่อตัวสินค้าเพื่อให้เป็นที่ยอมรับหรือติดหูผู้บริโภค จึงนับว่าไม่ใช่เรื่องง่าย และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่คุณปีเตอร์และครอบครัวให้ความสำคัญ

Daddy Dough เป็นชื่อที่น้องชายคุณปีเตอร์เป็นคนคิด แต่ก่อนหน้านี้ก็มีการคิดไว้หลายชื่อ แต่สุดท้ายก็มาสรุปที่ Daddy Dough เพราะมันได้ทั้งในแง่ของการใช้คำที่สั้น กระชับ และความหมาย เพราะ Daddy Dough หมายถึง แป้งของพ่อ มันตรงคอนเซ็ปต์ของเรา เพราะสูตรแป้งต่างๆ ที่นำมาทำและพัฒนามาจนถึงวันนี้ เป็นสูตรแป้งที่คุณพ่อท่านเป็นคนคิดค้น
ซึ่งหลังจากที่เปิดร้านมาตั้งแต่ 14 สิงหาคม 2549 เราก็ใช้ชื่อนี้ตลอดมา”
เนื่องจากเป็นร้านโดนัทที่เพิ่งเริ่มเปิดตัว ดังนั้น จึงไม่ใช่เพียงแค่ชื่อร้านหรือแบรนด์สินค้าเท่านั้นที่ต้องสร้างเพื่อให้เป็นที่รู้จักและยอมรับของผู้บริโภค การสร้างความแตกต่างให้กับตัวสินค้า

เพื่อให้เป็นที่จดจำของผู้ซื้อก็เป็นอีกเหตุผลที่ต้องให้สำคัญ
คือต้องยอมรับก่อนว่า Daddy Dough เป็นร้านโดนัทที่กำเนิดจากการเป็นธุรกิจครอบครัว ดังนั้น เราจึงไม่กล้าไปแข่งขันกับเจ้าตลาดที่มีอยู่อย่างแน่นอนอน แต่ในเมื่อเราเป็นแบรนด์น้องใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้น สิ่งที่เราต้องทำก็คือ ต้องสร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้น เพราะถ้าเราไปเดินตามเขาก็ไม่มีทางที่เราจะแชร์ตลาดผู้บริโภคได้ ซึ่งความแตกต่างที่ว่านั่นคือ ทำอย่างไรให้ Daddy Dough ของเราอร่อยและเป็นที่ถูกใจผู้รับประทานมากที่สุด คือต้องบอกก่อนว่า Daddy Dough ของเราจะทำเฉพาะโดนัทยีสต์ ซึ่งในตลาดปัจจุบันที่ทำอยู่จะมีโดนัทอยู่ 2 ประเภท คือ โดนัทยีสต์กับโดนัทเค้กคุณ สมบัติของโดนัทยีสต์ คือ เนื้อแป้งจะไม่แข็งเหมือนโดนัทเค้ก และนี่เองที่ถือเป็นจุดเด่นของ Daddy Dough เนื้อแป้งโดนัทของเราละเอียด นุ่ม และเบา คือ เบาถึงขนาดเวลานำไปทอดจะไม่สามารถคืบหรือจับได้ เพราะถ้าคืบหรือจับโดนัทจะเบี้ยวและเสียทรงทันที ดังนั้น

ในกระบวนการทอดเราจึงใช้เครื่องจักร ซึ่งออกแบบมาเฉพาะลักษณะเป็นบล็อกๆ คล้ายแม่พิมพ์ เวลาทอดเนื้อแป้งก็จะลอยอยู่ในบล็อกเหนือน้ำมัน ซึ่งวิธีนี้จะทำให้เนื้อโดนัทไม่อมน้ำมัน เวลาทอดออกมาก็จะนุ่ม หอม อร่อย ให้ความรู้สึกที่สดใหม่อยู่ตลอดเวลา
นอกจากความละเอียด นุ่ม เบา ของเนื้อแป้งแล้ว จุดเด่นของ Daddy Dough อีกอย่างคือ แป้งที่นำมาใช้ผลิตจะมีกลิ่นหอมกรุ่นอยู่ตลอดเวลา เนื้อแป้งที่ใช้ผลิตมีทั้งหมด 5 รสชาติ คือ ช็อคโกแลต ผักโขม วนิลา กาแฟและซินนามอน ซึ่งสูตรแป้งทั้ง 5 รสชาตินี้ เป็นสูตรแป้งที่พัฒนามาจากสูตรดั้งเดิมของคุณพ่อ รวมถึงยังมีหน้าให้เลือกรับประทานกันอีก 45 ชนิด

สนใจอยากลองรับประทานโดนัทรสชาติเข้มข้น พร้อมบริการที่เป็นกันเองลองแวะไปชิมกันได้ ซึ่งตอนนี้ Daddy Dough
เขาเปิดให้บริการทั้งหมด 6 สาขา ได้แก่ สาขา ถ.สีลม อยู่ข้างโรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ สาขาตลาดบองมาเช่ สาขาสยามพารากอน (ชั้น G) สาขาเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า (ชั้น 5 โซน Food Park) สาขาดิ อเวนิว รัชโยธิน และสาขา ถ.นราธิวาส (ติด BTS ช่องนนทรี) หรือจะลองโทรไปสอบถามก่อนที่เบอร์ 0-2635-0763-4

4/18/2011

โมบายสเต็ก สเต็กแท้พันธุ์ไทย

ธุรกิจอาหารเป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูง แต่ก็ยังคงเป็นตลาดที่น่าลงทุนตลอดกาล เพราะชีวิตคนเราปรับเปลี่ยนไปในทางที่ต้องอาศัยความสะดวกสบายมากขึ้น เร่งรีบมากขึ้น ธุรกิจอาหารที่ตอบสนองรูปแบบการใช้ชีวิตดังกล่าว
จึงได้รับความนิยมตามมาด้วย ธุรกิจร้านสะเต็กจึงน่าสนใจด้วยเหตุนี้
โมบายสเต็กมีความโดดเด่น ในเรื่องการปรุงน้ำซอสสเต็ก คัดสรรและประยุกต์ การทำน้ำซอสของสเต็ก ที่มีรสชาติดี มาจากสมุนไพรไทยแท้ๆ ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เชื่อว่าอาหารนอกจากจะเป็นศาสตร์และศิลป์แขนงหนึ่งแล้ว
อาหารยังเป็นที่หล่อหลอมความรักอีกทั้งยังสร้างความใกล้ชิดให้กับบุคคลในครอบครัว โมบายสเต็ก จึงมุ่งหวังที่จะเป็นศูนย์รวมของครอบครัว ให้รักใคร่กลมเกลียวและมีความสุขจากการรับประทานอาหารแสนอร่อย

จุดเด่นของโมบายสเต็ก
- เป็นสเต็กสูตรพิเศษจากการคิดค้นพัฒนา กว่า 5 ปี จนได้รสชาดอร่อยถูกปากคนไทย
- สเต็กคุณภาพ มีคุณค่าทางโภชนาการสูง
- สินค้าทันสมัย คู่แข่งขันน้อยราย
- น้ำซอสมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวยากต่อการเรียนแบบ
- เมนูอาหารหลากหลาย มากกว่า 40 รายการ
- รูปแบบร้านมีความยืดหยุ่นสูง
- คืนทุนเร็ว ประมาณ 3-6 เดือน (ขึ้นกับทำเลที่ตั้ง และปริมาณลูกค้า)
-ค่าแฟรสไชส์ ตลอดอายุสัญญา 10 ปี ชำระครั้งเดียว
- 40,000 บาท
- ไม่เรียกเก็บจากยอดขาย
-ค่าประชาสัมพันธ์ 500 บาท ต่อเดือน
-ค่าอุปกรณ์ครัว
-ประมาณ 20,000 - 150,000 บาท
-ไม่บังคับ จัดซื้อเฉพาะที่จำเป็น หาซื้อได้เองหรือจากบริษัท เช่น เตา กะทะ จานสเต็ก มีด ส่อม เป็นต้น
-เงินทุนหมุนเวียน 10,000 บาท(โดยประมาณ)
-ค่าตกแต่งร้าน ตกแต่งได้เอง ตามสไตล์ที่ท่านชอบ

รายละเอียด
แฟรนไชส์สเต็ก ในรูปแบบคีออส จำหน่ายสเต็กและอาหารจานด่วนสลัดโดยมีรสชาติและมาตรฐานเดียวกันและรสชาติแบบไทยๆ สำหรับจุดเด่นของโมบายสเต็ก คือ
1. สเต็กสูตรพิเศษจากการคิดค้นพัฒนากว่า 5 ปี จนได้รสชาติที่อร่อยถูกปากคนไทย
2. สเต็กคุณภาพ มีคุณค่าทางโภชนาการสูง
3. สินค้าทันสมัย คู่แข่งขันน้อย
4. น้ำซอสมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ยากต่อการเลียนแบบ
5. เมนูหลากหลาย มากกว่า 18 อย่าง อาทิเช่น ข้าวปลาซาบะ, ข้าวเนื้อญี่ปุ่น, ข้าวปลาแซลมอน ฯลฯ
6. รูปแบบร้านค้ามีความยืดหยุ่นสูง
7. เปิดดำเนินการแล้ว กว่า 30 สาขา ใน 10 จังหวัด
8. คืนทุนเร็วเพียง 2 - 6 เดือน

โมบายสเต็กเปิดขายแฟรนไชส์ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดเหมาะสำหรับ... ผู้ต้องการมีรายได้หลัก (ทำเอง) หรือรายได้เสริม (จ้างลูกจ้าง)เรียนรู้งานง่ายไม่ซับซ้อน
ง่ายแก่การตรวจสอบ ทั้งรายได้ และรายจ่าย เพราะนับจำนวนสินค้าได้

การสนับสนุนของโมบายสเต็ก
1. ช่วยวิเคราะห์การหาทำเล และจัดหาอุปกรณ์ให้ทุกขนิด
2. จัดส่งซอส ของสดจากส่วนกลาง
3. อบรม ถ่ายทอดความรู้ในการปรุงอาหาร
4. ให้ความช่วยเหลือเมื่อเริ่มเปิดกิจการ
5. ให้ความช่วยเหลือในการตกแต่งร้าน
6. ช่วยติดต่อซัพพลายเออร์ที่จำเป็น
7. คิดค้นพัฒนาเมนูใหม่ ๆ ให้เป็นระยะ
8. ช่วยโฆษณา ประชาสัมพันธ์
**อายุสัญญา 10 ปี


สนใจธุรกิจสะเต๊ก ติดต่อ โมบายสเต็ก สเต็กแท้พันธุ์ไทย
ที่อยู่ 542/11-2 ซ.เพชรบุรี 20 ถ.เพชรบุรี เขตราชเทวี กรุงเทพ 10400
โทรศัพท์ 0-208-9335, 0-2656-5685, 0-1935-9576

3/31/2011

ขายผลิตภัณฆ์ ดร.สมชาย

ความเป็นมาของดร.สมชาย ผลิตภัณฆ์ดร.สมชาย ได้ตั้งต้นจากคลินิคผิวหนังหนึ่งแห่งใจกลางกรุงเทพฯ โดยผู้ก่อตั้งของเรา ดร.สมชาย เรืองวัฒนสุข ในปี พ.ศ. 2514 หลังจากดร.สมชาย ได้จบจากคณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็ได้ไปศึกษาต่อที่สถาบันผิวหนัง รพ.เซนต์จอห์น มหาวิทยาลัยลอนดอน ประเทศอังกฤษ จากนั้นได้ทำงานในแผนกโรคผิวหนัง พร้อมทั้งสอนวิชาผิวหนังที่ รพ.จุฬาลงกรณ์ และเพิ่มพูนประสบการณ์ต่อ ณ แผนกโรคผิวหนัง รพ.กลาง ก่อนจะไปเปิดคลินิค ส่วนตัว จึงเป็นจุดเริ่มต้นในการคิดค้นผลิตภัณฑ์ดูแลปัญหาผิวหลากหลายประเภท ตามความต้องการของคนไข้ รวมทั้งลูกค้าทั่วไป จากการวางขายในคลินิค ไม่นานก็ได้กระจายวางขายทั่วประเทศ มีแพทย์และเภสัชกรมาร่วมงานมากมาย และได้ขยายคลินิคออกไปอีกหลายสาขาเกือบทั่วทุกภาคของประเทศไทย ทุกวันนี้ ทีมงานแพทย์และเภสัชกรของเราก็ยังคงค้นคว้า วิจัย สรรหาวิทยาการใหม่ๆ และสารสกัดจากธรรมชาติดีๆ มาเป็นสูตรผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด อาจไม่ส่งผลดีต่อผิวในทันทีทันใด แต่ผิวจะค่อยๆ ดีขึ้น และไม่ส่งผลเสียต่อผิวในระยะยาวเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพพร้อมอ่อนโยน ไม่ระคายเคือง เราไม่เคยทำการทดลองผลิตภัณฑ์ของเราในสัตว์ จึงสบายใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ที่คุณใช้ไม่ได้มาจากการทำร้ายสัตว์ชนิดใด โรงงานดร.สมชาย ตั้งอยู่ใน จ.นนทบุรี ได้รับการรับรองมาตรฐาน GMP และ ISO 9001/2000 นับเป็นโรงงานที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทยที่ดำเนินการโดยองค์กรเอกชน นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์หลายชนิดของเรายังเคยได้รับรางวัลยอดเยี่ยม ทั้งจากหนังสือพิมพ์และนิตยสารชั้นนำหลากหลายฉบับ รายละเอียด ศูนย์บริการดร. สมชาย ได้เปิดสาขาแรกที่สยามแสควร์มากกว่า 16 ปี แล้วได้มีการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง แล้วเริ่มขยายสาขาในรูปแบบแฟรนไชส์ตั้งแต่ปี 2540 เป็นต้นมา บริษัทฯ ได้ทำการค้นคว้าวิจัย แล้วพัฒนาทดสอบสินค้า และบริการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แน่ใจด้านของประสิทธภาพ และคิดค้นเพื่อพัฒนาสินค้า แล้วบริการใหม่ๆตลอดเวลา เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า นอกจากนี้บริษัทฯ ได้ผ่านการรองรับรองมาตรฐานระบบคุณภาพ ISO 9001 จาก BVQI และ GMP (Good Manufacturing Practice) จากคณtกรรมการอาหารและยา โดยมีรางวัลจากสถาบัน ต่างๆ เป็นเครื่องยืนยันความสำเร็จมากมาย อาทิ รางวัลเกียรติยศสินค้ายอดเยี่ยมประเภท เครื่องสำอาง จากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และนิตยสารผู้นำการตลาดประเภทเครื่องสำอาง ปี 2536 คุณสมบัติผู้ร่วมทุน 1. เป็นผู้ที่ต้องการเป็นเจ้าของกิจการ และต้องการความสำเร็จ 2. มีพื้นฐานทางธุรกิจที่มั่นคง และมีความพร้อมในการลงทุน 3. มีความตั้งใจ และมีเวลาให้กับธุรกิจ 4. มีความรู้ด้านการบริหารทั้งด้านการเงิน และบุคลากร การเลือกทำเลที่ตั้งร้าน 1. มีจำนวนกลุ่มเป้าหมายในบริเวณรอบร้านเพียงพอ 2. ไป-มาสะดวก สามารถเห็นได้จากถนนใหญ่ (กรณีไม่ได้อยู่ในห้างสรรพสินค้า) 3. กรณีอยู่ในห้างสรรพสินค้า ต้องเป็นห้างที่มีศักยภาพในการบริหารที่ดี 4. บริษัทฯ กำหนดให้แต่ละสาขา ตั้งอยู่ห่างกันไม่ต่ำกว่า 8-10 กม. โดยพิจารณาจำนวนประชากรบริเวณนั้นๆ ประกอบ รูปแบบของศูนย์บริการ แบ่งเป็น 2 ขนาด คือ แบบ A 50-100 ตร.ม. แบบ B 100 ตร.ม. ขึ้นไป สนใจหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ดร.สมชาย (Dr.Somchai) โทรศัพท์ 0-2251-1431, 0-2255-2805

3/23/2011

ขายน้ำอ้อยสด ไร่ไม่จน

ขายน้ำอ้อยสด ไร่ไม่จน
ขายน้ำอ้อยสด ไร่ไม่จน



ใครจะคิดบ้างว่า น้ำอ้อยคั้นสด จะมาเป็นธุรกิจแฟรนไชส์ที่มียอดขายไม่น้อยในแต่ละปี ไอเดียการนำธุรกิจที่มีอยู่แล้วมาต่อยอดเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ธุรกิจธรรมดาๆที่เราเห็นจนชินตา แต่จะแตกต่างกันออกไป เมื่ออยุ่ในการบริหารของคนที่เข้าใจเรื่องการทำธุรกิจ


ดังเช่น “น้ำอ้อยไร่ไม่จน” ที่ก่อตั้งขึ้นในปีพ.ศ. 2546 จากการร่วมทุนของเกษตกรชาวไร่อ้อย ตำบล กรับใหญ่ อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ที่เชี่ยวชาญการปลูกอ้อยมานาน กว่า 50 ปี โดยใช้ระบบชลประทานใต้ดินและการคัดสายพันธุ์อ้อยที่ดี และถูกต้องตามหลักวิชาการ จนประสบความสำเร็จเป็นอันดับ1 ในด้านการผลิตน้ำอ้อย สดพาสเจอร์ไรซ์ สามารถขายได้ทั่วประเทศและยังมีน้ำอ้อยสด ขายได้ตลอดทั้งปี เป็นเพราะประสบการณ์และความเชี่ยวชาญทั้งหมดคือรากฐาน ของความเป็นเกษตรเชิงธุรกิจครบวงจรแบบพอเพียง ของ น้ำอ้อยไร่ไม่จน วันนี้กำลังก้าวไปสู่มาตราฐานการผลิต GMP, HACCP และ HALAL ซึ่งเป็นระบบคุณภาพระดับสากล ที่ทั่วโลกยอมรับกัน
ทุกวันนี้น้ำอ้อยไร่ไม่จนไดัรับการยอมรับและมีการเผยแพร่ตามสื่อ ต่างๆเช่น รายการทีวี,นิตยสาร ฯลฯ


น้ำอ้อยไร่ไม่จนมีความแน่วแน่ที่จะทำเพื่อสิ่งเหล่านี้

-ให้เกษตรกรและพนักงานทุกคน ได้มีส่วนร่วมในระบบคุณภาพ

-ให้บริการสดสะอาดจากไร่ ตรงตามความต้องการของลูกค้าและได้ มาตราฐาน

-พัฒนาเกษตรกรและพนักงานอย่างต่อเนื่อง

-ส่งเสริมความรู้และให้มีการพัฒนาเทคโนโลยี่ให้ทันสมัย รายละเอียดน้ำอ้อยไร่ไม่จน

รูปแบบการลงทุนแฟรนไชส์น้ำอ้อยไร่ไม่จน สินค้าที่ทางน้ำอ้อยไร่ไม่จน นำมาจำหน่ายนั้นจะเป็นนาอ้อยธรรมชาติ 100%

จุดเด่นของน้ำอ้อยไร่ไม่จน

คงเป็นเรื่องวัตถุดิบที่มีตลอดปีกับเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ต่อร่างกายขบวนการผลิตสะอาดถูกหลักอนามัย สินค้ามีอายุการเก็บรักษาได้นานขึ้นจึงตอบสนองความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคและผู้จัดจำหน่ายFranchise Policy

ทางบริษัทฯ มีนโยบายในการขายแฟรนไชนส์ โดยจะเน้นพื้นที่ที่เป็นแหล่งชุมชน เช่น ห้างสรรพสินค้า ตลาดสดและสถานศึกษาต่างๆ เป็นต้น เริ่มแรกได้กำหนดเขตขนส่งที่สะดวกก่อนคือ ราชบุรี, นครปฐม, สมุทรสาคร, สมุทรปราการ, นนทบุรี, ปทุมธานี และ กรุงเทพฯ รูปแบบการลงทุนน้ำอ้อยไร่ไม่จน

คุณสมบัติของผู้ลงทุน

1. บุคคลธรรมดา (ต้องเป็นคนที่มีใจรักในเรื่องของการบริการ มีความอดทนละเอียดอ่อนในทุกๆ เรื่อง เพราะอาหารเป็นเรื่องของความสะอาดและมีผลต่อสุขภาพของผู้อื่น)

2. เป็นเจ้าของอาคารที่ดิน หรือ เป็นเจ้าของสิทธิ์การเช่าพื้นที่ขาย

3. มีความพร้อมในเรื่องของเงิน

4. มีความตั้งใจจริงกับธุรกิจและให้เวลาพอสมควร

5. ยอมรับเงื่อนไขต่างๆที่ทางบริษัทกำหนดให้

งบประมาณการลงทุน

1. ค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์ ไม่มีการเก็บ

2. ค่าเปอร์เช็นต์งานขายรายปีไม่มี

3. ค่าอุปกรณ์งานขายโต๊ะ, เครื่องปั่นเกล็ด, ถังแช่, อื่นๆ จำนวน 110,000 บาท

อุปกรณ์ที่ได้หลักๆมีดังนี้

-เครื่องปั่นเกล็ดน้ำแข็งรุ่น 3 โถ

-โต๊ะ

-สินค้าสำหรับโปรโมท (น้ำอ้อย 20 กก.,วุ้นน้ำอ้อย 20 กก.,นม 10 กก.)

-แก้ว ( ขนาด 7,12,16 ออนล์)

-ชุดทำความสะอาด

-ถังแช่ผลิตภัณฑ์ขนาด 300 ลิตร

สนใจธุรกิจน้ำอ้อยไร่ไม่จน

โทรศัพท์ 0-97731745, 0-1400-7374

ดำเนินการโดย บริษัท น้ำอ้อยไร่ไม่จน จำกัด

3/18/2011

ทำขนมไทยใส่กล่องส่งขาย

ธุรกิจทำขนมไทยใส่กล่องขาย จุดเด่น เป็นอาชีพเสริมที่ทำอยู่กับบ้าน

การดำเนินกิจการ
- สำรวจตลาด ร้านค้าที่จะสามารถนำขนมไปวางขายได้
- ตัดสินใจว่าจะทำขนมอะไรจำหน่ายบ้าง ควรเปลี่ยนไปในแต่ละวันเพื่อไม่ให้ลูกค้าเบื่อ
- ใช้วิธีการฝากขาย เหลือแล้วรับคืนเพราะในช่วงแรก คงไม่มีใครเสี่ยงซึ้อขาดทุน


ขายขนมไทย


ภาพจาก moph.go.th


การลงทุน

- เริ่มต้น3,000 บาท


อุปกรณ์ประกอบด้วย
-เตา หัวเตา รวมฐาน ประมาณ 1,๐๐๐-1,500 บาท (ยังรวมค่าถังแก๊ส)
-ลังถึงสำหรับนึ่ง 2 ชั้น เส้นผาศูนย์กลาง 24 นิ้ว 750-1,000 บาท
-กระทะ เบอร์ 16 350 บาท
-กำไรประมาณ 50-60 เปอร์เซ็นต์
-การทำครั้งแรก ๆ ซื้อน้ำตาลทรายกับแป้งอย่างละ 5 กิโลกรัม น่าจะพอ ส่วนอุปกรณ์อึ่น ๆ เป็นอุปกรณ์ในการทำอาหารทั่วๆไป
-ส่วนอุปกรณ์อื่น ๆ เป็นอุปกรณ์การทำอาหารทั่ว ๆ ไปจะเห็นว่าการเริ่มต้นเข้าสู่อาชีพนี้ ไม่ใช่เรึ่องยากเลย ทั้งนี้ต้องมีความพยายามเป็นที่ตั้ง
แม้ว่าเศรษฐกิจของประเทศนี้จะย่ำนเย่ แต่เราสามารถสร้างเศรษฐกิจภายในครอบครัวให้ดีขึ้นได้ด้วย

**หมายเหตุ

- หากไม่ใช่มืออาชีพในการทำขนม ช่วงแรกอาจจะลองทำกินเ่องหรือทำให้เพื่อนๆทดลองชิมก่อน โดยลองทำจากสูตรในหนังสือตำราอาหารทั่วไป และเริ่มต้นจำหน่ายจากน้อย ๆ ไปก่อนที่สำคัญ อย่านำขนมไม่ดี ขนมเสียไปวางขาย เด็ดขาด เพราะจะทำให้เสียลูกค้าตลอดไป พอเริ่มชำนาญทำหลายๆครั้ง ก็จะจับทางได้ จากนั้นลองทำจำหน่าย โดยเริ่มแต่น้อย อาจจะไปฝากวางตามร้านขายข้าว หรือร้านขายขนมอึ่น ๆ ซึ่้ใเรื่องการเจาะตลาดคงไม่ยาก เพราะเป็นสินค้าที่ขายได้ง่าย ทีสำคัญต้องแน่ใจว่ารสชาติเข้าที่แล้วและการจะดูว่ารสชาติเข้าที่หรือยัง ก็ให้เพื่อน ๆ หรือ ญาติช่วยกันชิม แล้วถามความคิดเห็น นำความคิดเห็นนั้นมาปรับปรุง ถือหลักกลาง ๆ ไม่เอนเอียงไปที่คนใด คนหนึ่ง


การลงทุน ในระยะเริ่มแรกอยูที่ประมาณ 3,๐๐๐บาท

สูตรขนมไทยแบบต่างๆ

*ขนมตาล
ขนมหวานในคราวนี้ออกจะยุ่งยากสักหน่อย แต่หากได้ชิมขนมที่สำเร็จเสด็จออกมาจากเตาแล้ว รับรองหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งทีเดียว
ส่วนผสม
ผลตาลสุก2-3 ผล
น้ำตาลทราย 6 ถ้วยตวง
กะทิ 6 ถ้วยตวง
แป้ง 6 ถ้วยตวง
มะพร้าวขูดพอประมาณ

วิธีการทำ
1.นำลูกตาลมาลอกเปลือกออกแล้วยีเอาแต่เนื้อ ใส่ถุงแป้งแขวนไว้ 12 ชั่วโมง เพื่อให้สะเด็ดน้ำ
เหลือแต่เนื้อล้วน ๆ ก่อนคิดจะทำขนมนี้ขายต้องเตรียมการล่วงหน้า 1 วัน
นำน้ำตาลไปเกี่ยวกับกะทิจนน้ำตาลละลา็ยระหว่างที่เกี่ยวอย่าใช้ไฟแรง เมื่อได้ส่วนผสมน้ำมาแล้ว
นำมาผสมกับเนื้อตาล 2 ถ้วยตวง และนวดกับแป้งจนได้ที่ จากนั้นนำส่วนผสมทั้งหมดไปตั้งทิ้งไว้กลางแดด
12 ชั่วโมง เพื่อให้เนื้อขนมขึ้นฟู ขั้นตอนนี้ หากต้องการตั้งทิ้งไว้ตอนกลางคืนจะใช้ผงฟูช่วยด้วยก็ได้
ก่อนนำไปนึ่ง ให้โรยหน้าด้วยมะพร้าวขูดผสมเกลือเล็กน้อย ขนมตาลใช้เวลาในการนิ่งนาน 15 นาที
จับเวลานับแต่น้ำเดือด

*ข้าวต้มผัด (ข้าวต้มมัด)
ข้าวต้มผัด หรือข้าวต้มมัด เรียกได้เหมือนกัน ทั้งนีอาจจะเป็นลักษณะของขึ้นชนิดนี้ที่มีการมัด 2เปลาะ จึง
เรียกว่า ข้าวต้มมัด หรือลักษณะการนำข้าวเหนียวไปผัดกับกะทิและน้ำตาลก่อนจึงเรียกว่าข้าวต้มผัด
ขนมไทยชนิดนี้ มีมาแต่โบร่ำโบราณ เป็นขนมที่ออกจะไม่ค่อยเหมือนขนมอึ่น ๆ สักเท่าไหร่ เพราะกินแล้วหนักท้องกินแล้วอิ่ม เหมือนกินข้าว คนสมัยก่อนที่ต้องเดินทางไกล มักจะนำขนมนี้ ไปกินระหว่างทาง

ข้าวต้มมัด ยังมีคนทำขายกัน หากินได้ไม่ยาก ไม่ได้หายหน้าหายตาไปไหน ไม่ได้เป็นขนมโบราณที่กำลัง
จะเลือนหายอะไรอย่างนั้น แต่หาที่อร่อย ๆ ออกจะยากสักหน่อย ฉะนั้น เรามาทำกินเองดีกว่า เผลอ ๆ ออก
ขายได้เงินอีก


ข้าวต้มมัด
ส่วนผสม
1. ข้าวเหนียว 5 กิโลกรัม
2. กะทิ (จากมะพร้าว 5-6 ลูก)
3. น้ำตาลทราย 800 กรัม
4. กล้วยน้ำว้าสุก ๆ (สุกมาแล้วสัก 2 คืน)
5. เกลือป่น
6. ใบตอง
7.ถั่วดำ
8.ตอกไม้ไผ่ ใช้มัดข้าวต้ม

วิธีการทำ
1.นำข้าวเหนียวมาล้างให้สะอาด ช่วงที่ล้างนี้มีข้อสังเกตนิดหนึ่งคือ ข้าวเหนียวที่ตักออกมาใหม่ ๆ ใส่
กะละมัง ให้น้ำให้พอดี น่ถืงกับท่วม ปริมาณน้ำขนาดนี้ให้จำไว้ เพราะช่วงที่เตรียมกะทิสำหรับผัด ใช้กะทิ
ในปริมาณนี้เช่นกัน เมื่อล้างจนสะอาดแล้ว (สัก 2-3 ครั้ง) แช่ไว้สัก ประมาณ 10 นาที ราวขึ้นมาพักไว้ในกะละมัง
2.เคี่ยวกะทิจนเดือด ใส่ข้าวเหนียวลงไปผัด จัดจนแห้ง (อย่าใช้ไฟแรง) แล้วใส่น้ำตาลทรายลงไปผัดต่อ ผัดจนน้ำตาล รัดเม็ดข้าวดีแล้ว โรยเกลือนิดหน่อย ยกลงพักไว้
3.การห่อข้าวต้มมัด ตักข้าวเหนียววางบนใบตอง ตามด้วยกล้วยน้ำว้าผ่าซีก (ถ้าลูกใหญ่ ผ่า 3ซีก ลูกเล็กผ่า 2 ซีก) ตามด้วยข้าวเหนียวทับไปอีกชั้นหนึ่ง จากนั้นจะประดับด้วยถั่วดำอีกก็ได้ แต่ต้องนำไปต้มมาก่อนแล้วจึงห่อ มัดด้วยตอก
4.นำไปเรียงในลังถึง ใช้เวลานึ่งชั่วโมงเศษ ๆ ก่อนยกลง นำมาแกะดูสักมัดหนึ่้ใก่อนว่าข้าวเหนียวสุกดีหรือไม่

ข้าวเิีหนียวเปียกกะทิ
ข้าวเิีหนียวดำเปียกกะทิข้าวเหนียวดาเปียกกะทิ เป็นขนมชนิดหนึ่งที่ทำง่ายมาก ชวนจะอร่อยหรือไม่นั้น อยู่ที่ฝีมือของคนปรุงแล้วล่ะ ขนมชนิดนี้ควรระวังให้มากเรื่องความหวานเพราะหากหวานมากเกินไป บางคนไม่ชอบ

ส่วนผสม
ข้าวเหนียว 500 กรัม
น้ำตาลทราย 500 กรัม
กะทิสด 2 ถ้วยตวง
เกลือป่น

ขั้นตอนการทำ
นำข้าวเหนียวดำมาต้มพอสุกแล้วใส่น้ำตาลทรายพอประมาณ อย่าใส่น้ำตาลทรายก่อน
เพราะน้ำตาลจะรัดข้าวเหนียว ทำให้ไม่สุกส่วนกะทิ นำมาเคี่ยว (ไม่ต้องนาน) และเติมเกลือ
นิดหน่อย ก็ใช้ได้

*ข้าวเหนียวเปียกมะพร้าวอ่อน
ส่วนผสม
ข้าวเหนียว 500 กรัม
มะพร้าวอ่อน
น้ำตาลทราย 500 กรัม
กะทิสด 2 ถ้วยตวง
เกลือ

**อาจดัดแปลงเป็นลำไยหรึอสาคูได้ ถ้าเป็นสาคูต้องต้มให้สุกก่อน
ขั้นตอนการทำ

ล้างข้าวเหนียวให้สะอาด นำมาต้ม (ลักษณะการทำเหมือนทำข้าวต้มธรรมดา) เมื่อเมล็ืดข้าวพองตัวแล้ว
ใส่น้ำตาลทราย ตามด้วยกะทิสด และมะพร้าวอ่อนเวลาเสิร์ฟให้หยอดหน้าด้วยกะทิข้น ซึ่งมีวิธีการทำคือ คั้น
เอาแต่หัวกะทิ ผสมด้วยเกลือ หากต้องการให้กะทิอยู่ได้นานขึ้น ให้นำไปตั้งไฟเคี่ยว โดยใส่แป้งมันละลาย
น้ำลงไปนิดหน่อย จะทำให้กะทิข้น และน่ากินมากขึ้น(การเคี่ยวกะทินี้ไม่ต้องนานมาก แค่พอกะทิเดือดและ
ข้นดีแล้วให้ยกลง)

*มะพร้าวแก้ว
มะพร้าวแก้ว เป็นขนมหวานพื้นบ้าน วัตถุดิบในการทำมีเพียง มะพร้าวและน้ำตาล 2 อย่างเท่านั้นมะพร้าวแก้วมีวิธีการทำที่ไม่ยากเลย เพียงแต่หามะพร้าวทึนทึก (มะพร้าวกลางแก่กลางอ่อน) มาขูดให้เป็นเส้นยาว ลงไปเชื่อมในน้ำเชื่อมน้ำเชื่อม ที่มีส่วนผสมของ น้ำต่อน้ำตาล 1:2เคี่ยวจนขึ้นดีแล้ว จึงใส่มะพร้าวลงไป คอยให้น้ำตาลเข้าในเนื้อมะพร้าวจนขึ้นเกล็ดนั่นแหละจึงใช้ได้ จากนั้นนำขึ้นมานำซึ่งให้แห้งดี แล้วเก็บเข้าขวดโหลที่มีฝาปิดสนิท จะเก็บได้หลายวัน

*ขนมกล้วย
ส่วนผสม
1.กล้วยน้ำว้า 1 หวี (10-11ผล)เลือกกล้วยที่ค่อนข้างงอมแต่ไม่ถึงกับงอมจนเละ
2. แป้งข้าวเจ้า 500 กรัม
3. แป้งมันสำปะหลัง 400 กรัม
4. น้ำตาลทราย 600 กรัม
5. มะพร้าวห้าว 500 กรัม
6. กะทิ 1 ถ้วยตวง
7. เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1.นำกล้วยกับแป้งข้าวเจ้ามานวดจนเหนียว ใส่น้ำตาลทราย ใส่น้ำนิดหน่อยพอให้ตักได้ข้นๆ
2.จากนั้นจึงใส่กะทิ มะพร้าว คนให้เข้ากัน หากไม่มีมะพร้าวห้าวใช้มะพร้าวขูดใส่แทนได้ มะพร้าวห้าวที่ใช้หั่นเป็นชิ้นๆไม่ต้องหนามาก
3.ตักใส่ใบตองแล้วห่อ จะห่อแบบสี่เหลี่ยม หรือใส่เป็นกระทงก็ได้แล้วนำไปนึ่งนาน 40 นาที

หรืออาจจะนำไปทอดแทนก็อร่อยไม่แพ้กัน หรือจะแบ่งทั้งนึ่ง ทั้งทอด ก็ได้
ขนมอร่อย ไปอีกแบบ

*ทับทิมกรอบ
ทับทิมกรอบ ขนมชนิดนี้ จะมีสีสันสวยงามนาม และอร่อย หวานเย้นชื่นใจ เหมาาะจะกินหน้าร้อน

ส่วนผสมของทับทิมกรอบ
แห้ว หรือมันแกว 1/2 กิโลกรัม
แป้งมัน 1 ถุง
น้ำตาลทราย 3/4 กิโลกรัม (ต้องกาพวาพากหรือน้อยเพื่อลดจำนวนได้)
น้ำสะอาด
กะทิสด (หัวกะทิ)
ขนุน

วิธีการทำ
ขั้นแรก หั่นมันแกว หรือแห้ว เป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ จากนั้นใส่น้ำหวานสีแดง เพื่อให้ดูเป็นเมล็ดทับ
ทิมมากขึ้น และน่ากินกว่าสีขาวล้วน จากนั้นนำไปคลุกด้วยแปังมัน แล้วพักไว้
ต้มน้ำให้เดือด ใส่มันแกว หรือแห้วลงไป พอสุกจะลอยขึ้นมาเอง ตักใส่ภาชนะไว้
ส่วนน้ำเชื่อม ให้ต้มน้ำใส่น้ำตาลทราย หวานมากน้อยตามต้องการ เมื่อยเดือด ยกลงพักไว้จนเย็น
ฉีกขนุนชิ้นตามยาวใส่ลงไป ส่วนผสมสุดท้ายคือ กะทิ ให้นั้นเอาแต่หัวกะทิไว้หยอดหน้าทับทิมกรอบ จะทำให้ขนมหวานมัน เสิร์ฟใส่ถ้วยเล็กพร้อมน้ำแข็งบดละเอียด


*กล้วยบวชชี
กล้วยบวชชีเป็นขนมพื้นบ้าน ทำง่ายที่สุด อร่อยที่สุดและราคาถูก

ส่วนผสมกล้วยบวชชี
กล้วยน้ำว้า
กะทิ
น้ำตาลทราย
เกลึอป่น


วิธีทำ
กะทที่คั้นได้ แยกไว้ เป็นหัวกะทิกับหางหางกะทิใส่หม้อ เคี่ยวสักพักใส่กล้วยใส่น้ำตาล
ทราย เกลือ ก็ใช้ได้แล้ว แต่ระวังอย่าใส่น้ำตาลมากจะหวานเกินไป กล้วยบวชชีที่อร่อยน่าจะออกรสหวาน
ปะแล่ม ๆ เค็มนิดหน่อย และมันพอควรในการทำกล้วยบวชชีนั้น ที่สำคัญที่สุดเห็นจะเป็น
ช่วงเคื่ยวกะทิ อย่าให้กะทิแตกมันเด็ดขาด มิฉะนั้นจะมันมาก และกล้วยที่ใช้ในการทำขนมนี้ คือกล้วยน้ำว้าที่ ห่าม ๆ หน่อย อย่าใช้กล้วยสุกเกินไป จะไม่อร่อย

*ขนมดอกจอก
ส่วนผสม
แป้งสาลี 4 ถ้วยตวง
แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
เกลือ 3 ช้อนชา
งาดำ 1/2 ถ้วยตวง
แป้งมัน 2 ช้อนตวง
ไข่แดง 2 ฟอง
มะพร้าว 200 กรัม
หัวกะทิ 2 ถ้วยตวง
น้ำปูนใส 2 ถ้วยตวง
น้ำมันสำหรับทอด


วิธีการทำ
นำแป้งทั้งหมดมาผสมกัน ตามด้วยน้ำตาลทราย เกลือ งาดำ ไข่แดง มะพร้าว หัวกะทิ และน้ำปูนใส คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันดี ้
จากนั้นนำลงทอดในกระทะโดยใช้พิมพ์ พิมพ์สำหรับขนมดอกจอกโดยเฉพาะ จุ่มพิมพ์ลงในแป้ง อย่าจุ่ม
พิมพ์ให้มิดแป้ง จากนั้นนำลงในน้ำมัน ยกพิมพ์ขึ้น ขนมผุดไปเอง คอยกลับขนม 1 ครั้ง พอเหลืองแล้วตัก
ขึ้น วางบนกระดาษสับมัน


นอกจากนี้ยังมีสูตรขนมไทยอีกมากมาย ติดตามได้ที่ http://baankhanom.blogspot.com/ มีสูตรขนม ใหม่ๆ อัพเดตเพิ่มเติมตลอดเวลา